Page 40 - โลกทัศน์ไทย
P. 40

9-30 โลกทศั นไ์ ทย
       ในปี ค.ศ. 1658 คริสตจกั รตัง้ ให้พระคณุ เจ้าฟรงั ซวั บลั ลือเปน็ พระสงั ฆราชเกียรตินามแห่งแคว้น

ตังเกยี๋ และพระคุณเจ้าปิแอร์ ลงั แบรต์ เดอ ลา มอ็ ตเปน็ พระสังฆราชเกยี รตนิ ามแห่งแคว้นโคชินจีนและ
ดแู ลอกี 5 แควน้ ในประเทศจีน แต่เกดิ อปุ สรรคข้ึนในแคว้นตงั เกีย๋ และโคชินจนี กล่าวคอื ธรรมทูตฝรั่งเศส
ไปพพิ าทกบั ชาวโปรตเุ กส ประกอบกบั การทำ� งานของธรรมทตู มอี ปุ สรรคจากการเบยี ดเบยี นโดยคนตา่ งศาสนา
ทำ� ใหต้ อ้ งมาพกั ทอ่ี ยธุ ยา และไทยใหก้ ารรบั รองธรรมทตู ชดุ นี้ พรอ้ มทง้ั อนญุ าตใหต้ งั้ วดั และสอนศาสนาได้
ดงั นัน้ วันท่ี 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1669 สมเดจ็ พระสนั ตะปาปาเคลเมนตท์ ี่ 9 (ค.ศ. 1667-1669) จงึ ทรงออก
สมณกฤษฎกี าตงั้ มสิ ซงั สยามขน้ึ และใหอ้ ยใู่ นการดแู ลของธรรมทตู ฝรง่ั เศส จากนนั้ กไ็ ดอ้ ภเิ ษกบาทหลวงลาโน
ข้ึนเป็นพระสังฆราชเกยี รตินาม ประมขุ มิสซังสยามในวนั ที่ 25 มนี าคม ค.ศ. 1674

       จากจุดน้เี องท่กี ล่าวไดว้ า่ ศาสนาครสิ ตไ์ ดเ้ ขา้ สสู่ ังคมไทยแลว้

2. 	 การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในสังคมไทย

       นับตง้ั แต่กรุงโรมไดส้ ถาปนามิสซังสยาม และไดแ้ ต่งต้ังพระสงั ฆราชองค์แรกคือพระคณุ เจา้ ลาโน
พระสงฆ์ (หรอื เรยี กวา่ บาทหลวง) และครสิ ตชนไดพ้ ยายามเผยแผศ่ าสนา และการใหบ้ รกิ ารแกส่ งั คมในรปู แบบ
ตา่ งๆ เพอื่ ใหค้ นไทยยอมรบั นอกจากนนั้ ยงั มกี ารตง้ั วดั และ “สามเณราลยั ” (คอื สถานทอี่ บรมผเู้ ตรยี มตวั
เปน็ พระสงฆ์ หรอื ศาสนบรกิ าร) ในปี ค.ศ. 1666 มกี ารตงั้ “กลมุ่ หญงิ สาวประกาศพระวรสาร” และกระทง่ั
การต้งั โรงพยาบาลในปี ค.ศ. 1669

       จากจุดเร่ิมต้นดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน เราสามารถแบ่งประวัติการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ออกเป็น
ช่วงเวลาต่างๆ เพอ่ื สะดวกแก่ความเขา้ ใจไดเ้ ป็น 3 ช่วง คอื

       ชว่ งแรก เรยี กว่า ยคุ บกุ เบิก ตัง้ แตเ่ ร่มิ ตง้ั มสิ ซงั สยามจนสิ้นรชั กาลท่ี 3 กรุงรตั นโกสนิ ทร์
       ช่วงท่สี อง เรยี กวา่ ยคุ ใหม่ ต้ังแต่รัชกาลที่ 4 ทรงเสวยราชสมบตั จิ นถึงสมัยสภาสงั คายนาสากล
วาตกิ นั ท่ี 2
       ชว่ งทส่ี าม เรียกวา่ ยุคปจั จุบัน ตง้ั แต่หลังสภาสังคายนาสากลวาติกนั ท่ี 2 ถึงปจั จบุ ัน
       รายละเอียดทสี่ ำ� คญั ของแตล่ ะยุคมีดงั ต่อไปน้ี
       2.1 	ยุคบุกเบิก (ตงั้ แตเ่ รม่ิ ตัง้ มิสซังสยามจนถงึ สน้ิ รชั กาลที่ 3) ภาพของการทำ� งานเผยแผศ่ าสนา
ในยุคนี้ อาจกล่าวได้ว่า เป็นยุคของการวางรากฐานที่เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ มากมาย แม้จะประสบ
ความส�ำเร็จบ้างเป็นระยะเวลาส้ันๆ แต่ก็มักจะถูกค้นด้วยอุปสรรคท่ีใหญ่กว่าเป็นระยะเวลานานๆ เสมอ
และเมอื่ ผนวกกบั การเมอื งภายในประเทศ เชน่ การชงิ ราชบลั ลงั กเ์ มอ่ื สนิ้ รชั กาล และการเมอื งของภมู ภิ าคน้ี
เช่น การรบขยายดินเเดน การเสียกรงุ ศรีอยุธยา เปน็ ต้น การเผยแผศ่ าสนาจงึ อยูใ่ นสภาพที่อาจเรียกได้
ว่าชะงกั งัน
       เม่ือวิเคราะหส์ าเหตุต่างๆ ของปญั หาในยุคนี้ พบว่าเกิดจาก

            1) 	ความไมเ่ ขา้ ใจอนั เนอ่ื งมาจากภาษาทธ่ี รรมทตู ใช้ ธรรมทตู ใชภ้ าษาตา่ งประเทศและเทศน์
เป็นภาษาละติน คนไทยฟังไม่เข้าใจจึงไม่เกิดความเลื่อมใส เราจะพบว่าตลอดช่วงเวลาที่กล่าวมานี้
มีพระสงั ฆราชที่พดู ภาษาไทยไดเ้ พียง 2 องคเ์ ทา่ น้นั
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45