Page 50 - เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และความจำเริญทางเศรษฐกิจ
P. 50

2-38 เศรษฐศาสตรอ์ ุตสาหกรรม เทคโนโลยี และความจ�ำ เรญิ ทางเศรษฐกจิ

                         ความน�ำ

       เศรษฐศาสตรย์ คุ นีโอคลาสสิก เป็นแนวคิดใหมท่ ี่อลั เฟรด มาร์แชล (Alfred Marshall) ใช้เรยี ก
เศรษฐศาสตรใ์ นแนวทางใหมข่ องเขา ซงึ่ ตอ้ งการจะสอ่ื ความหมายวา่ เปน็ การพฒั นาตอ่ จากส�ำนกั คลาสสกิ
ในเรอ่ื งของการวิเคราะห์ด้านอุปทาน ในขณะท่กี ารวิเคราะหใ์ หม่ทางด้านอุปสงคก์ ม็ คี วามสำ� คญั เทา่ ๆ กนั
เขาจงึ เพมิ่ คำ� วา่ “นโี อ” ซง่ึ มคี วามหมายวา่ “ใหม”่ เขา้ ไปในชอื่ คลาสสกิ กลายเปน็ นโี อคลาสสกิ โดยความ
หมายกวา้ งมกั จะเรยี ก เศรษฐศาสตรก์ ระแสหลกั (Main Stream Economics) ทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหมต่ ง้ั แตท่ ศวรรษ
1870 ไปจนถงึ ต้นศตวรรษที่ 20

       ผลจากการประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ดา้ นเทคโนโลยแี ละการคน้ พบทรพั ยากรใหมๆ่ ในการปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม
ท�ำใหร้ ะดบั ค่าแรงอยูใ่ นระดบั สูงกว่าระดบั พอยังชพี และกำ� ไรกอ็ ยู่ในเกณฑส์ ูงและความเสยี่ งท่จี ะเกดิ ภาวะ
เศรษฐกิจหยุดน่ิงก็จะไม่เกิดขึ้น นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มนีโอคลาสสิก จึงไม่สนใจปัญหาระยะยาวของกลุ่ม
คลาสสกิ แตห่ นั มาสนใจปญั หาระยะสนั้ เชน่ ปญั หาการกระจายรายได้ และทฤษฎรี าคาและมลู คา่ เปน็ ตน้
นอกจากน้ันยังเห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นก็โดยการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ
มากขน้ึ ไมว่ ่าปจั จัยทางสังคมและการเมืองจะเป็นเช่นใด การแขง่ ขันอยา่ งสมบรู ณย์ ่อมนำ� ไปสคู่ วามเจริญ
เตบิ โตทางเศรษฐกจิ มากกวา่ การผกู ขาด เพราะการแขง่ ขนั มผี ลใหเ้ กดิ การจดั สรรทรพั ยากรทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
ทีส่ ดุ

       การวิเคราะห์ของกลุ่มนีโอคลาสสิกเชื่อว่ากลไกราคาจะน�ำไปสู่การแบ่งสรรในภาวะดุลยภาพ
(Equilibrium) น่ันคือ ภาวะท่ีอุปทานเท่ากับอุปสงค์ ถ้าหากอุปสงค์ไม่เท่ากับอุปทานการเปลี่ยนแปลง
ของราคาก็จะทำ� ใหภ้ าวะตลาดเคลอ่ื นเขา้ สูภ่ าวะดลุ ยภาพเสมอ

       ในดา้ นการเปลย่ี นแปลงของเศรษฐกจิ น้ัน กลุ่มนโี อคลาสสกิ เชอื่ วา่ ความจำ� เริญทางเศรษฐกิจเปน็
กระบวนการท่ีค่อยเป็นค่อยไปและต่อเน่ือง โดยความจ�ำเริญทางเศรษฐกิจจะเป็นผลดีต่อกลุ่มที่มีรายได้
ต่างๆ กัน ท้ังหมด รวมท้ังกลุ่มแรงงาน ซ่ึงระบบเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มท่ีจะท�ำให้เกิดการจ้างงานเต็มท่ี
แนวคดิ ของนกั ทฤษฎกี ลมุ่ นีโอคลาสสิกที่สำ� คัญ เช่น ฮารร์ อด โดมาร์ และโซโลว์ ซง่ึ จะได้กลา่ วต่อไปใน
เรอ่ื งท่ี 2.3.2 และเรือ่ งที่ 2.3.3

       อย่างไรก็ตามในอังกฤษช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิกก็ยังครองความ
เป็นกระแสหลักอยู่ในวงวิชาการ แต่ทว่าเศรษฐกิจในความเป็นจริงได้เข้าสู่ยุคของวิกฤตระยะยาวหลัง
สงครามโลก ครั้งท่ี 1 ตัง้ แต่ ค.ศ. 1920 ซง่ึ ไดก้ ่อใหเ้ กดิ ภาวะเศรษฐกจิ ตกตำ�่ ทั่วไป และการว่างงานเรื้อรงั
ดังน้ัน แนวคิดของมาร์แชล ซ่ึงอยู่ในกลุ่มนีโอคลาสสิกที่ได้อธิบายถึงการเกิดดุลยภาพการจ้างงานเต็มท่ี
โดยผา่ นกลไกการปรบั ตวั แบบอตั โนมตั ขิ องเศรษฐกจิ ภายใตก้ ารแขง่ ขนั เสรี เรมิ่ ไมต่ รงกบั เศรษฐกจิ ในความ
เปน็ จรงิ จอหน์ เมยน์ ารด์ เคนส์ (John Maynard Keynes: ค.ศ. 1883-1946) ไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ถอื สาเหตุ
ท่ีแทจ้ รงิ ของการวา่ งงานเรอ้ื รัง และคอ่ ยๆ พัฒนาแนวคิดทฤษฎี และมีความเหน็ ต่างกบั พวกนโี อคลาสสกิ
เกย่ี วกบั การผลติ และการจา้ งงาน กบั เศรษฐกจิ เงนิ (Money Economy) อยใู่ นกรอบทฤษฎเี ดยี วกนั และ
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55