Page 37 - จุลยุทธการวงศ์
P. 37
จุลยุทธการวงศ์ 2233 ฉบับความเรียง (ตอนต้น)
สมเด็จพระร่วงราชาธิราชเจ้ากับพระอนุชาธิราชครั้นถึงเมืองจีน
แล้ว ให้ราชบุรุษ ๗ คน อยู่รักษาเรือน้ัน ท้ังสองพระองค์พากันเข้าไปใน
ราชฐาน แลคนทหารท้ังหลายซึ่งรักษาประตูพระราชวังชั้นนอกช้ันในเห็น
กษัตริย์ทั้งสองนั้น ให้บังเกิดภัยความกลัวยิ่งนัก มิอาจว่ากล่าวห้ามปราม
สิ่งหน่ึงสิ่งใดมิได้ก็ปลาสนาการหนีไปในท่ีอื่น หาผู้จะต้านทานกางกั้นไว้
มิได้ กษัตริย์ทั้งสองเข้าไปถึงสำนักแห่งพระเจ้ากรุงจีนจึงนั่งในที่สมควร
พระ(เจ้า)กรุงจีนทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ทั้งสองเสด็จมานั่งใน
ท่ีใกล้น้ัน สะดุ้งตกพระทัยกลัวย่ิงนัก ปรารภเพื่อจะถวายบังคมแก่กษัตริย์
ทั้งสองนั้น
สมเด็จพระร่วงราชาธิราชาเจ้าทอดพระเนตรเห็นกิริยาแห่งพระเจ้า
กรุงจีนจะถวายบังคมดังน้ันจึงตรัสห้ามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ
พระองค์อย่าตกพระทัยกลัวเลย ตูข้าน้ีมาแต่เมืองสุกโขไทจะปรารถนา
ชิงราชสมบัติแห่งพระองค์หามิได้ มาบัดน้ีปรารถนาจะขอช่างกระทำ
ถ้วยชาม ไปให้กระทำถ้วยชามกระเบื้อง ณ เมืองสุกโขไทโน้น
พระเจ้ากรุงมัคธะราช๑ได้ทรงฟังดังน้ัน ดีพระทัยปีติโสมนัสยิ่งนัก
จึงพิจารณาดูสมเด็จพระร่วงเจ้าน้ัน เห็นพระรูปพระโฉมงามล้ำเลิศ
ประกอบด้วยราชลักษณะองอาจราชศักด์ิหาท่ีสุดมิได้ จึงทรงพระดำริว่า
พญาองค์น้ีเป็นเจ้าเมืองสุกโขไท มีบุญญาธิการมากยิ่งนัก มีวาจาสิทธิ์
เราได้ยินมาแต่คำลูกค้าวาณิชเลื่องลือมาแต่ก่อน ควรแล้วที่เราจะถวาย
ราชสมบัติแก่พญานี้ ครั้นพระเจ้ากรุงจีนทรงพระราชดำริฉะนี้แล้วกลัว
จะเสียพระราชสมบัติบ้านเมืองแห่งตน จึงถวายราชสมบัติแลพระราชธิดา
๑ช่ือเดียวกันน้ี ในจุลยุทธการวงศ์ (ความเรียง) ฉบับพิมพ์วันท่ี ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๔๘๐ ใช้ว่า “กรุงมคธราช” แต่ที่พิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๖ พ.ศ. ๒๕๘๐
เป็นต้นมา ใช้ว่า “กรุงมคธราฐ”