Page 198 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 198
8-32 การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
3.1.3 การสูบบุหร่ีและด่ืมสุราหรือเครื่องด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ ผลการสำรวจสุขภาพของประชาชนไทย
อายุ 15 ปีขึ้นไป มีค วามช ุกข องก ารสูบบุหรี่ร ้อยละ 23.7 (12 ล้านค น) ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นป ระจำ ร้อยละ 19.9 (10 ล้าน
คน) ลดล งจาก พ.ศ. 2546 – 2547 ที่ม ีความชุกถึงร ้อยละ 25.3 โดยมีแ นวโน้มการเริ่มส ูบบ ุหรี่เมื่ออายุน้อยลง อายุ
เฉลี่ย 18.6 ปี ในชายอายุเฉลี่ย 17.7 ปี หญิงอ ายุเฉลี่ย 26.6 ปี และผู้ไม่ส ูบบ ุหรี่ได้รับควันบุหรี่มือสองร ้อยล ะ 78 ได้
รับบ ่อยท ี่สุดค ือ ที่บ ้าน ร้อยล ะ 55 รองล งม าค ือ ในท ี่ส าธารณะ ร้อยล ะ 46 และในท ี่ท ำงานร ้อยล ะ 30.6 ในข ณะท ี่ภ าษี
สรรพสามิตจากบ ุหรี่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าต ัวจาก 26,708 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2542 เป็น 41,528 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2550
(กรมสรรพสามิต กระทรวงก ารคลัง)
ใน พ.ศ. 2551 – 2552 คนไทยอ ายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ 12 ล้านคน ดื่มสุรา 23 ล้านคน และในช่วง
ทศวรรษที่ผ ่านม า ครัวเรือนไทยบ ริโภคสินค้าเครื่องดื่มที่ม ีแอลกอฮอล์และยาสูบท ี่เป็นอันตรายต ่อส ุขภาพเพิ่มขึ้น 2
เท่า มีมูลค่าถึง 63,915 ล้านบาท น้อยก ว่าก ารจ่ายเงินเพื่อส ุขภาพที่ม ีเพียง 60,861 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2550 ร้อยละ
7.3 (3.7 ล้านค น)
4.2 การอ อกก ำลงั ก ายไม่เพยี งพอ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2552) ได้รายงานว ่า ใน พ.ศ. 2550 คนไทยอายุ
11 ปีขึ้นไปที่ม ีอ าการป่วยในร อบ 1 เดือนที่ผ่านม า ร้อยล ะ 16.7 นั้น เป็นผ ู้ที่ไม่อ อกกำลังก ายร้อยล ะ 68.5 และผู้ท ี่เข้า
พักร ักษาในสถานพ ยาบาลระหว่าง 12 เดือนท ี่ผ่านม า ร้อยล ะ 6.1 เป็นผ ู้ที่ไม่ออกก ำลังกายถึงร ้อยล ะ 74.2
ผลจากการสำรวจส ุขภาพของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปพบว ่า มีก ิจกรรมทางก ายเพียงพ อเพิ่มข ึ้นจากร ้อยละ
77.5 ใน พ.ศ. 2546 – 2547 เป็นร้อยล ะ 81.5 (41.2 ล้านค น) ใน พ.ศ.2551 – 2552 ซึ่งสอดคล้องกับก ารที่ค นไทยม ี
กิจกรรมทางกายเพียงพ อและอ อกก ำลังก ายเพิ่มขึ้นเป็นร ้อยละ 81.5 ใน พ.ศ. 2551 – 2552 และร้อยละ 37.5 ใน พ.ศ.
2550 ตามล ำดับ
ผลการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บ โดยสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรคพบว่า
คนไทยอ ายุ 15 – 74 ปี ออกกำลังก ายในระดับป านก ลางแ ละระดับห นักครั้งล ะน านก ว่า 30 นาที อย่างน ้อย 3 ครั้งต ่อ
สัปดาห์ เพิ่มข ึ้นจากร้อยล ะ 30.9 ใน พ.ศ. 2548 เป็นร ้อยละ 37.5 (16.3 ล้านคน) ใน พ.ศ. 2550
ผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาบ่งชี้ว่า เด็กดูโทรทัศน์วันล ะ 2 – 4 ชั่วโมง จะอ้วนเกินป กติ เสี่ยงที่จะเป็นโรค
ความด ันโลหิตสูง ทำให้กลายเป็นโรคห ัวใจแ ละอ ัมพาตต่อไปได้สูงก ว่าป กติ 2.5 เท่า หากม ากกว่าว ันละ 4 ชั่วโมง จะ
ยิ่งเสี่ยงสูงขึ้นเป็น 3.3 เท่า
ใน พ.ศ. 2550 – 2551 เด็กประถมถึงอุดมศึกษาใช้เวลาวันละ 6 – 7 ชั่วโมง โดยหมดไปก ับโทรทัศน์ราว 3
ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตก ว่า 2 ชั่วโมง และโทรศัพท์อีก 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือเท่ากับค รึ่งช ีวิตย ามต ื่นของเด็ก (สถาบันร ามจิตติ
โครงการ Child Watch) เด็กไทยใช้เวลาน อกเหนือจ ากก ารเรียนแ ละกิจวัตรประจำวัน 1 ใน 5 ไปกับก ารดูโทรทัศน์
โดยรายการการ์ตูนเป็นที่นิยมของเด็กในเช้าวันเสาร์ – อาทิตย์ ใช้เวลา 1 ใน 4 เป็นการโฆษณา และ 2 ใน 3 เป็น
การโฆษณาขนมเด็ก หรือคิดเป็นร ้อยล ะ 15 ซึ่งเป็นกลุ่มขนมข บเคี้ยว มันฝ รั่ง ข้าวเกรียบ ขนมปังอบก รอบมีความถี่
ในก ารโฆษณาสูงท ี่สุด รวมท ั้งการใช้เวลาไปกับการเล่มเกมส์คอมพิวเตอร์ และใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งมีค วามสัมพันธ์กับ
พฤติกรรมก ารบ ริโภคข นมท ีอ่ ุดมด ้วยแ ป้งแ ละไขม ัน และไม่เคลื่อนไหวอ อกก ำลังก าย ทำให้เด็กย ิ่งก ้าวเข้าไปใกลภ้ าวะ
โภชนาการขาดสมดุลม ากขึ้นเรื่อยๆ
4.3 ภาวะน้ำหนักเกินและภาวะอ้วน แนวโน้มความชุกของภาวะน้ำหนักเกินและภาวะอ้วนของคนไทยเพิ่ม
ขึ้นก ว่าร้อยล ะ 20 ในช ่วง 6 ปีที่ผ่านม า ใน พ.ศ. 2551 – 2552 พบในเด็ก 1.6 ล้านคน ผู้ใหญ่ 17.6 ล้านคน และม ีอ้วน
ลงพุง 16.2 ล้านค น โดยมีก ารใช้ย าลดความอ้วนเพิ่มขึ้น 5.5 เท่า เสี่ยงต ่อการเกิดโรควิถีการด ำเนินชีวิต
คนไทยอ ายุ 15 ปีขึ้นไป มีภ าวะน ้ำหนักเกินและอ ้วน ค่า BMI ≥ 25 กิโลกรัมต่อตาร างเมตร) เพิ่มข ึ้นจ าก
ร้อยละ 28.6 ใน พ.ศ. 2546 – 2547 เป็นร้อยล ะ 34.7 (17.6 ล้านคน ชาย ร้อยละ 28.4 หญิง ร้อยละ 40.7) ใน พ.ศ.
ลิขสิทธิข์ องมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช