Page 143 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 143
การพ ัฒนาแบบย ั่งยืนกับจริยธรรมต่อส ิ่งแวดล้อม 12-13
ก็ม ีน้อยมาก บทบาทหน้าที่และบริการบางอย่างข องระบบนิเวศม ีความจ ำเป็นต ่อการอ ยู่รอดของมนุษย์ ซึ่งเป็นบริการ
สนับสนุนการด ำรงช ีวิต และไม่สามารถทดแทนได้ ทรัพย์สินทางนิเวศน ์อื่นๆ ก็ม ีความจำเป็นต่อความเป็นอยู่ที่ดีของ
มนุษย์ ถึงแม้จะไม่จำเป็นต่อการอยู่รอดของมนุษย์ เช่น ทัศนียภาพ พื้นที่ว่าง และความสงบเงียบ ทรัพย์สินเหล่านี้
เป็นท ุนทางธรรมชาติที่ม ีร ะดับท ี่ทำให้การเกิดสถานการณ์ว ิกฤต (critical natural capital) ต่อความเป็นอยู่ที่ด ีของ
มนุษย์ได้ หากท ุนดังก ล่าวล ดน้อยลงห รือหมดส ิ้นไป และเนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ส ามารถผลิตทดแทนได้ กฎข องค วาม
ยั่งยืนอ ย่างเข้มข ้นจึงก ำหนดให้มนุษย์ต ้องปกป้องทรัพย์สินทางนิเวศเหล่าน ี้ไว้
3. การวดั ก ารพัฒนาแบบย ง่ั ยืน
ในอีกแนวคิดหนึ่ง การพัฒนาแบบยั่งยืน หมายถึงการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของคนในปัจจุบันโดยไม่ทำให้
ความเป็นอ ยู่ที่ดีข องค นในอนาคตลดต่ำล ง โดยการส ร้างก ระแสรายได้ให้เกิดขึ้นอย่างย ั่งยืน (a sustainable flow of
income) ซึ่งเป็นระดับรายได้ที่ประเทศสามารถสร้างขึ้นมาได้โดยไม่ทำให้จำนวนทุนทุกประเภททั้งหมดของประเทศ
เสื่อมค่าไป สิ่งที่อันตรายคือความล้มเหลวของมนุษย์ในการตระหนักถึงความสำคัญของทุนทางธรรมชาติและสิ่ง
ที่ทุนทางธรรมชาติให้ในแง่ของสวัสดิการทางเศรษฐกิจและรายได้ซึ่งจะนำไปสู่แนวคิดที่ผิดพลาดเกี่ยวกับผลการ
พัฒนาเศรษฐกิจ อันตรายด ังกล่าวเกิดขึ้นจริงในปัจจุบันเนื่องจากร ะบบบัญชีรายได้ประชาชาติในปัจจุบันที่จัดทำอยู่
ในป ระเทศต ่างๆ เกือบทุกประเทศไม่ได้พ ิจารณาว ่าทุนท างธ รรมชาติเป็นสินทรัพย์ (assets) ที่มีบ ทบาทส ำคัญในการ
สร้างผลผลิตและรายได้ได้อย่างต่อเนื่องไปตามกาลเวลา บัญชีรายได้ประชาชาติที่มีการขยายขอบเขต (extended
national accounts) นอกเหนือไปจากผลผลิตที่มีการซื้อขายผ่านตลาด รายได้และรายจ่าย ดังที่ใช้ในแนวคิดของ
การวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศที่เป็นอยู่ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงแนวทางทางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ
การพัฒนาอ ย่างย ั่งยืน
ในก ารป รับปรุงวิธีก ารวัดร ายได้ประชาชาติ มี 2 สิ่งท ี่จำเป็น สิ่งแรก คือ การห ักค่าเสื่อมของท ุนทางธ รรมชาติ
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงปริมาณ และอีกสิ่งหนึ่ง คือ การเสื่อมโทรมข องปริมาณหรือจำนวนที่มีอยู่ของทุนทาง
ธรรมชาติ ซึง่ เปน็ การเปลี่ยนแปลงในเชงิ ค ุณภาพ กรอบแ นวคิดท ีจ่ ะส ะทอ้ นก ารใชท้ รัพยากรธรรมชาติในร ะดบั ป ระเทศ
ยังอ ยูใ่นข ั้นต อนก ระบวนการพ ิจารณาข องส ำนักงานส ถิตขิ องอ งค์การส หประชาชาติ อย่างไรก ็ตาม การส ร้างท ฤษฎแี ละ
การก ำหนดแนวทางก ารปฏิบัติในการป รับปรุงว ิธีก ารว ัด มีความซ ับซ ้อน นักวิชาการท างเศรษฐศาสตร์ส ิ่งแ วดล้อมได้
เสนอว ิธีการวัดการพัฒนาแบบยั่งยืนอ ย่างง ่ายๆ (Turner, et.al, 1994: 57–58) โดยพ ิจารณาจาก กฎของการพัฒนา
แบบยั่งยืน ที่กำหนดว่า ระบบเศรษฐกิจหนึ่งจะต้องมีการออมอย่างน้อยที่สุดได้มากเท่ากับผลรวมของค่าเสื่อมของ
มูลค่าของท ุนท ี่ม นุษย์ส ร้างข ึ้นม าและค่าเสื่อมข องม ูลค่าของทุนท างธรรมชาติ ถ้าอธิบายโดยก ารย กต ัวอย่างทางธ ุรกิจ
จะเข้าใจได้ดีขึ้น กล่าวคือ ถ้าธุรกิจไม่สามารถมีเงินออมได้มากพอที่จะใช้ลงทุนกลับเข้าไปในธุรกิจ หรือไปลงทุนซื้อ
เครื่องจักรแ ละอ าคารท ี่เสื่อมส ภาพไป ก็อ าจจ ะส ามารถด ำเนินธ ุรกิจไปส ักร ะยะห นึ่ง แต่ไม่ส ามารถด ำเนินก ารต ่อไปใน
ระยะย าว ธุรกิจก ็จะไม่มีความยั่งยืน สำหรับระบบเศรษฐกิจก็เช่นก ัน อัตราการอ อมข องประเทศ (การอ อมในสัดส่วน
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) จะต้องมีมากกว่าหรือเท่ากับค่าเสื่อมของปริมาณหรือจำนวนที่มีอยู่ของทุนทาง
ธรรมชาติแ ละทุนท ี่มนุษย์สร้างขึ้นมาหรือทุนทางก ายภาพ เศรษฐกิจจ ึงจะสามารถพ ัฒนาต ่อไปได้อย่างย ั่งยืน ในการ
ทดสอบว ่าร ะบบเศรษฐกิจใดจ ะยั่งยืนห รือไม่ เทอร์เนอร ์และคณะ (Turner, et. al, 1994: 58) ได้เสนอต ัวแบบท ดสอบ
ในร ูปส มการดังนี้
ลิขสทิ ธ์ขิ องมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช