Page 8 - สังคมโลก
P. 8
3-6 สังคมโลก
ยุโรปก่อนที่จะมีรัฐสมัยใหม่เกิดขึ้นนั้นไม่มีรูปร่างหน้าตาและเส้นแบ่งพื้นที่ชัดเจนเหมือนกับประเทศยุโรป
ในปัจจุบัน ก่อนการเกิดขึ้นของรัฐสมัยใหม่ ยุโรปอยู่ในยุคสมัยที่เรียกว่ายุคกลาง (Medieval age)* ซึ่งอยู่ในช่วง
ประมาณคริสต์ศ ตวรรษที่ 6 ถึงส ิ้นส ุดคริสต์ศตวรรษท ี่ 14 (ราว ค.ศ. 500 - 1500) ลักษณะเด่นๆ ทางส ังคม เศรษฐกิจ
ทางการเมืองก ็แ ตกต ่างจ ากส มัยป ัจจุบัน โดยล ักษณะท ี่เด่นช ัดท ี่สุดข องย ุคน ั้นม ี 2 ประการ คือ 1. โบสถค์ ริสตจักร และ
2. ระบบฟ ิวดัล (Feudalism) และลักษณะทั้งสองประการน ี้เองม ีผ ลต ่อการเกิดข ึ้นของรัฐสมัยใหม่
การเกิดขึ้นของรัฐสมัยใหม่จึงสัมพันธ์กับลักษณะ 2 ประการข้างต้นโดยอัตโนมัติ กล่าวคือรัฐสมัยใหม่จะ
ไม่เกิดขึ้นตราบเท่าที่อำนาจของโบสถ์ยังมีอยู่อย่างล้นพ้นต่อฝ่ายอาณาจักร และระบบฟิวดัลยังดำรงอยู่ต่อไป แต่
สิ่งที่เกิดขึ้นในป ระวัติศาสตร์ยุโรปต ะวันตกนั้นได้สร้างเงื่อนไขที่ทำให้เกิดรัฐสมัยใหม่ดังนี้
โบสถ์คาทอลิก
สาเหตุการเกิดขึ้นของรัฐสมัยใหม่ประการแรกคือกรณีของโบสถ์คริสตจักรคาทอลิก ในยุคกลางโบสถ์
คริสตจักรมีอ ิทธิพลม ากกว่าในปัจจุบันเป็นอย่างม าก อิทธิพลข องโบสถ์ในสมัยก ลางม ีท ี่มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจ ะ
เป็นสภาพทางการเมืองภายหลังการสิ้นสุดลงของอาณาจักรโรมัน โครงสร้างการบังคับบัญชาของโบสถ์ ความมั่งคั่ง
ของโบสถ์ การผูกขาดการตีความคัมภีร์ไบเบิล และการเป็นที่มาและเจ้าของทั้งอำนาจทางโลกและอำนาจทางธรรม
ของพ ระส ันตะปาปา (Pope)
สภาพทางการเมืองภายหลังการสิ้นสุดลงของจักรวรรดิโรมัน นับตั้งแต่การอพยพของชาวเยอรมันจาก
ตะวันออกร ะลอกแล้วร ะลอกเล่า ที่เป็นสาเหตุห นึ่งในการส ิ้นส ุดลงข องจักรวรรดิโรมันต ะวันต ก การเพิ่มข ึ้นของคนที่
เข้ามาอยู่ใหม่ยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่เดิม องค์การปกครองของพื้นที่ต่างๆ ของโรมันก็ค่อยๆ ลง
บทบาทลงตามการเสื่อมอำนาจลงของจักรวรรดิ ผู้ปกครองในส่วนต่างๆ ได้สถาปนาตนขึ้นเป็นอิสระ เป็นกษัตริย์
ปกครองอ าณาจักรเล็ก อาณาจักรน ้อย และท ำสงครามร ะหว่างก ัน ในสภาพการเมืองที่แตกแยกน ี้ โบสถ์กลับส ามารถ
อยู่รอดอย่างมั่นคงจนถึงยุคก ลาง ท่ามกลางสงครามกลางเมือง โบสถ์คาทอลิกจึงทำห น้าที่เป็นเหมือนแหล่งพึ่งพาทาง
จิตใจ และป ลอบประโลมความลำบากที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำว ัน โดยให้สัญญาถึงชีวิตในโลกหน้าที่ดีกว่า
โครงสร้างการบังคับบัญชา และการกระจายขอบเขตความรับผิดชอบของโบสถ์ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้
โบสถ์มีอำนาจ เมื่อศาสนาคริสต์กลายเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมันตั้งแต่สมัยจักรพรรดิคอนแสตนติน (Con-
stantine the Great, ค.ศ. 306-322) เป็นต้นม า องค์การทางศ าสนาข องโบสถ์ได้เริ่มแพร่ก ระจายค รอบคลุมไปย ัง
พ ื้นที่ต ่างๆ ทั่วท ั้งย ุโรป ที่ม ีโครงสร้างก ารบ ังคับบ ัญชาท ี่เข้มแ ข็ง สลับซ ับซ ้อน และก ระจายไปย ังท ุกพ ื้นที่ โดยแ บ่งพ ื้นที่
เป็นสังฆมณฑลหรือเขตมิสซัง (diocese) ที่ควบคุมดูแลด้วยพระสังฆราชหรือมุขนายก (bishop) และมีบาทหลวง
(priest) ในส ังกัดอ ยูใ่นพ ื้นทีท่ ีล่ ดห ลั่นก ันลงไป โดยท ั้งหมดข ึ้นต รงต ่อพ ระส ันตะปาปา โครงสร้างในล ักษณะน ีน้ อกจาก
จะมีความเข้มแ ข็งในโครงสร้างการบังคับบัญชาแล้ว การกระจายไปย ังแ ทบทุกพ ื้นที่ยังท ำให้บาทหลวงกลายเป็นผู้นำ
ทางความคิดแ ละก ารตัดสินใจของชุมชนไปด ้วยโดยปริยาย
*ยุคกลางถูกจำแนกเพื่อให้แตกต่างจากยุคคลาสสิก (classical age) ที่เกิดก่อนยุคกลาง โดยยุคคลาสสิกอยู่ในช่วงประมาณก่อน
ค.ศ. 500
ลิขสิทธ์ขิ องมหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช