Page 33 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 33

แสงและทัศนูปกรณ์ 11-25

       คน​ที่​มี​ความ​ไว​ใน​การ​มอง​เห็น​สี​แดง​น้อย​กว่า​ปกติ​และ​คน​ที่​มี​ความ​ไว​ใน​การ​มอง​เห็น​สี​เขียว​น้อย​
กว่า​ปกติ เมื่อ​ให้​ผสม​แสง​สี​เหลือง โดย​ใช้​แสง​สี​แดง​และ​แสง​สี​เขียว​เป็น​แม่สี​แสง​ใน​การ​ผสม ต้อง​ใช้​แสง​สี​
แดงท​ ี่ม​ ีค​ วาม​เข้ม​แสงส​ ูง​กว่า​คน​ที่​มี​การ​มองเ​ห็น​สีป​ กติใ​ช้​ใน​การ​ผสมก​ ับ​แสงส​ ี​เขียว​เพื่อ​ให้​เกิด​แสง​สีเ​หลือง​ที่​
ต้องการ

       คนท​ มี​่ ค​ี วามไ​วใ​นก​ ารม​ องเ​หน็ ส​ นี ำ้ เงนิ น​ อ้ ยก​ วา่ ป​ กติ เมือ่ ใ​หผ​้ สมแ​ สงส​ นี ำ้ เงนิ เ​ขยี ว โดยใ​ชแ​้ สงส​ นี ำ้ เงนิ ​
และแ​ สงส​ เี​ขียวเ​ป็นแ​ ม่สแี​ สงใ​นก​ ารผ​ สม ต้องใ​ชแ้​ สงส​ ีน้ำเงินท​ ีม่​ คี​ วามเ​ข้มแ​ สงส​ ูงก​ ว่าค​ นท​ ีม่​ กี​ ารม​ องเ​ห็นส​ ปี​ กต​ิ
ใช้ใ​นก​ าร​ผสม​กับแ​ สง​สี​เขียว​เพื่อใ​ห้​เกิด​แสง​สีน้ำเงินเ​ขียวท​ ี่​ต้องการ

       2.2 ตาบอด​สี เป็น​ความ​บกพร่อง​ใน​การ​มอง​เห็น​สี​ที่​เกิด​จาก​การ​ที่​ใน​บริเวณ​เรตินา​มี​เซลล์​รูป​กรวย​
เพียง 2 ชนิดห​ รือเ​พียงช​ นิดเ​ดียว

       ถ้า​บน​เรตินา​มี​เซลล์​รูป​กรวย​เพียง 2 ชนิด ความ​บกพร่อง​ใน​การ​มอง​เห็น​สี​จะ​แบ่ง​ออก​เป็น​ตาบอด
ส​ ี​แดง ตาบอดส​ ีเ​ขียว และต​ าบอด​สีน้ำเงิน

            1) ตาบอด​สี​แดง เกิด​จาก​การ​ที่​บน​เรตินา​ไม่มี​เซลล์​รูป​กรวย​ที่​ไว​ต่อ​แสง​สี​แดง คน​ที่​ตาบอด​
สีแ​ ดงจ​ ะ​เห็นเ​ฉพาะ​สีน้ำเงิน สีเ​หลือง สีเ​ทา และ​สี​ผสมร​ ะหว่างส​ ี​ทั้งส​ าม

            2) ตาบอด​สี​เขยี ว เกิด​จาก​การ​ที่​บน​เรตินา​ไม่มี​เซลล์​รูป​กรวย​ที่​ไว​ต่อ​แสง​สี​เขียว คน​ที่​ตาบอด​
สี​เขียวจ​ ะ​เห็นเ​ฉพาะส​ ีน้ำเงิน สีเ​หลือง สีเ​ทา และ​สีผ​ สมร​ ะหว่าง​สี​ทั้ง​สาม เช่นเ​ดียวก​ ับ​ตาบอดส​ ี​แดง

            3) ตาบอดส​ นี ำ้ เงนิ เกดิ จ​ ากก​ ารท​ บี​่ นเ​รตินาไ​ม่มเี​ซลลร์​ ปู ก​ รวยท​ ีไ​่ วต​ อ่ แ​ สงส​ ีน้ำเงิน คนท​ ีต​่ าบอด​
สีน้ำเงิน​จะ​เห็น​เฉพาะ​สี​เขียว สี​แดง สี​เทา และ​สี​ผสม​ระหว่าง​สี​ทั้ง​สาม ตาบอด​สีน้ำเงิน​พบ​น้อย​กว่า​ตาบอด​
สี​แดง​และ​ตาบอด​สี​เขียวท​ ั้งช​ าย​และห​ ญิง

       ถ้า​บน​เรตินา​มี​เซลล์​รูป​กรวย​เพียง​ชนิด​เดียว จะ​มอง​เห็น​เพียง​สี​ที่​เกิด​จาก​การ​ทำงาน​ของ​เซลล์​
รูป​กรวย​ชนิด​นั้น​เท่านั้น จึง​เป็น​  ตาบอด​สี​สมบูรณ์ ตาบอด​สี​แบบ​นี้​พบ​น้อย​ที่สุด​ใน​บรรดา​ตาบอด​สี​ทุก​แบบ
ท​ ี่​กล่าวข​ ้างต​ ้น

       การ​มอง​เห็น​ความ​กว้าง ความยาว ความ​ลึก ของ​วัตถุ เกิด​จาก​การ​ที่​มนุษย์​มี​การ​เห็น​แบบ 2 ตา
(binocular vision) เมือ่ ม​ องด​ ว้ ยต​ าเ​พยี งข​ า้ งเ​ดยี ว (monocular vision) จะเ​หน็ เ​พยี งค​ วามก​ วา้ งแ​ ละค​ วามยาว
(หรือพ​ ื้นที่) ของว​ ัตถุเ​ท่านั้น ส่วนค​ วามล​ ึกซ​ ึ่งเ​ป็นม​ ิติท​ ี่ 3 ของก​ ารม​ องเ​ห็น ไม่ส​ ามารถม​ องเ​ห็นห​ รือร​ ับร​ ู้ไ​ด้ การ​
มอง​เห็นท​ ั้งค​ วามก​ ว้าง ความยาว และ​ความ​ลึก (หรือ​ปริมาตร) ของ​วัตถุ เป็นการม​ องเ​ห็นแ​ บบ 3 มิติ ต้อง​มอง
2 ตา พร้อมก​ ัน ดังภ​ าพ​ที่ 11.19
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38