Page 32 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 32

11-24 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์

       เซลลท์​ ั้งส​ องช​ นิดม​ ปี​ ริมาณแ​ ละก​ ระจายต​ ัวอ​ ยูใ่​นบ​ ริเวณต​ ่างๆ บนเ​รตินาไ​มเ่​ท่าก​ ัน โดยเ​ซลลร์​ ูปก​ รวย​
มีอ​ ยู่ป​ ระมาณ 6 ล้าน 5 แสน​เซลล์ เซลล์ร​ ูป​แท่งม​ ี​อยู่ป​ ระมาณ 120 ล้าน​เซลล์ (ประมาณ 20 เท่า​ของเ​ซลล​์
รูป​กรวย) บริเวณ​บน​เรตินา​ที่ไ​ม่มีเ​ซลล์​รูป​แท่ง​อยู่เ​ลย มีเ​พียง​เซลล์ร​ ูปก​ รวย​เท่านั้น (ประมาณ 34,000 เซลล์)
คือ บริเวณท​ ี่​เรียก​ว่า โฟเวยี (fovea) โฟเวีย​ใช้ส​ ำหรับเ​พ่ง​ดู​ราย​ละเอียดข​ องภ​ าพใ​ห้​เห็น​ชัดท​ ี่สุด ​และ​ใช้​แยก​
ความ​แตก​ต่าง​ของ​สี​ต่างๆ บริเวณ​บน​เรตินา​ที่​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​จาก​โฟเวีย ปริมาณ​ของ​เซลล์​รูป​กรวย​จะ​ลด​ลง​
แต่ม​ ีเ​ซลล์ร​ ูปแ​ ท่งเ​พิ่มข​ ึ้น บริเวณป​ ลายจ​ ักษุป​ ระสาท​บนเ​รตินาจ​ ะไ​ม่มีเ​ซลล์ร​ ับแ​ สงใ​ดๆ เลย ถ้าม​ ีแ​ สงจ​ ากว​ ัตถ​ุ
หักเห​ผ่าน​ตา​มาต​ ก​บนบ​ ริเวณ​นี้จ​ ะไ​ม่เ​ห็น​ภาพ​ของ​วัตถุ​นั้น จึง​เรียก​บริเวณ​นั้น​ว่า จดุ บอด (blind spot)

2.  การ​ทำงานข​ อง​ตา

       การ​มองเ​ห็น​ภาพ​เกิดข​ ึ้นเ​มื่อ​แสงจ​ ากว​ ัตถุ​หักเหผ​ ่าน​ระบบห​ ักเห​แสงข​ อง​ตา (กระจกตา ของเหลวใ​น​
ช่อง​หน้าล​ ูก​ตา ​เลนส์​ตา และ​วุ้น​ใส​หลัง​เลนส์​ตา) ไปต​ กลง​บน​เรตินา เมื่อ​เซลล์ร​ ับแ​ สงท​ ั้งร​ ูป​แท่งแ​ ละร​ ูป​กรวย​
ได้​รับ​แสง​จะ​ตอบ​สนอง​ต่อ​แสง ​และ​สร้าง​สัญญาณ​ไฟฟ้า​เคมี​ส่ง​ผ่าน​จักษุ​ประสาท เซลล์​ประสาท​จะ​เปลี่ยน​
สัญญาณ​ไฟฟ้า​เคมี​เป็น​สัญญาณ​ประสาท​ก่อน​ส่ง​ต่อ​ไป​ยัง​สมอง​ส่วน​ที่​เรียก​ว่า วิ​ชวล คอร์​เทกซ์ (visual​
cortex) ซึ่ง​ทำ​หน้าที่​เกี่ยว​กับ​การ​มอง​เห็น​เพื่อ​แปล​ความ​สัญญาณ​ทำให้​เกิด​การ​มอง​เห็น ​และ​รับ​รู้​รูป​ร่าง
แ​ ละสี​ของว​ ัตถุ​ต่อไ​ป

       ระบบ​หักเห​แสง​ของ​ตา​ทำให้​เกิด​ภาพจริง​หัว​กลับ​ของ​วัตถุ​บน​เรตินา แต่​สมอง​แสดง​ภาพ​อื่น​ที่​เป็น​
ภาพก​ ลับก​ ันข​ องภ​ าพบ​ นเ​รตินาเ​พื่อส​ ร้างภ​ าพข​ องว​ ัตถุท​ ี่ร​ ับร​ ู้จ​ ากก​ ารม​ องเ​ห็นใ​นส​ ภาพก​ ารว​ างตัวท​ ี่แท้จ​ ริงข​ อง​
วัตถุ​นั้น ส่วนส​ ี​ของว​ ัตถุ​ที่​มอง​เห็นน​ ั้น​เป็น​ผล​จาก​การร​ ับ​รู้​ของเ​ซลล์ร​ ูป​กรวย 3 ชนิด ซึ่งม​ ี​ความไ​วต​ ่อ​สี​ต่างก​ ัน
คือ เซลล์​รูปก​ รวยท​ ี่ไ​ว​ต่อแ​ สงส​ ีแ​ ดง ​เซลล์​รูปก​ รวยท​ ี่​ไว​ต่อ​แสงส​ ี​เขียว และ​เซลล์​รูป​กรวย​ที่ไ​ว​ต่อ​แสง​สีน้ำเงิน
เช่น เมื่อ​มอง​ไป​ที่​ใบไม้​ซึ่ง​มี​สี​เขียว เซลล์​รูป​กรวย​ที่​ไว​ต่อ​แสง​สี​เขียว​จะ​ถูก​กระตุ้น​มากกว่า​เซลล์​รูป​กรวย​ที่​
ไว​ต่อ​แสงส​ ี​แดงแ​ ละ​เซลล์​รูปก​ รวยท​ ี่​ไวต​ ่อแ​ สง​สีน้ำเงิน ทำให้​เกิด​ความ​รู้สึก​ของ​การม​ องเ​ห็น​สี​เป็นส​ ี​เขียว แต่​
ถ้า​มอง​ไป​ที่​ดอกไม้​ซึ่ง​มี​สี​เหลือง เซลล์​รูป​กรวย​ที่​ไว​ต่อ​แสง​สี​แดง​และ​เซลล์​รูป​กรวย​ที่​ไว​ต่อ​แสง​สี​เขียว​จะ​ถูก​
กระตุ้นม​ ากกว่า​เซลล์​รูป​กรวยท​ ี่ไ​ว​ต่อแ​ สงส​ ีน้ำเงิน ทำให้เ​กิดค​ วามร​ ู้สึกใ​นก​ ารม​ อง​เห็น​สี​เป็นส​ ี​เหลือง จึง​กล่าว​
ได้​ว่าการ​มองเ​ห็น​สีข​ องว​ ัตถุเ​ป็น​ไปต​ ามห​ ลัก​การ​ผสมแ​ สงส​ ี

       การม​ องเ​ห็นส​ ีต​ ่างๆ ของม​ นุษย์เ​ป็นผ​ ลจ​ ากก​ ารท​ ำงานข​ องเ​ซลล์ร​ ูปก​ รวย 3 ชนิด ดังก​ ล่าวผ​ ่านม​ าแ​ ล้ว
แต่ม​ นุษยอ์​ าจม​ คี​ วามบ​ กพร่องใ​นก​ ารม​ องเ​ห็นส​ ไี​ด้โ​ดยอ​ าจเ​กิดจ​ ากพ​ ันธุกรรม การไ​ดร้​ ับส​ ารเ​คมีบ​ างช​ นิดเ​ข้าส​ ู​่
ร่างกาย หรือ​จาก​สา​เห​ตุอ​ ื่นๆ ความ​บกพร่องข​ องก​ ารม​ อง​เห็นส​ ี​ของ​มนุษย์​แบ่ง​ออก​เป็น 2 ลักษณะ​ใหญ่ๆ คือ
ความไ​วใ​นก​ ารม​ องเ​ห็น​สี​น้อยก​ ว่า​ปกติ กับต​ าบอด​สี ดัง​รายล​ ะเอียดต​ ่อ​ไปน​ ี้

       2.1		ความ​ไว​ใน​การ​มอง​เห็น​สี​น้อย​กว่า​ปกติ เป็น​ความ​บกพร่อง​ใน​ลักษณะ​ที่​มอง​เห็น​สี​บาง​สี​ได้​
น้อย​กว่า​คน​ที่​มี​การ​มอง​เห็น​สี​ปกติ ความ​บกพร่อง​ของ​การ​มอง​เห็น​สี​แบบ​นี้​แบ่ง​ออก​เป็น 3 ลักษณะ​ย่อย
คือ ความไ​วใ​น​การ​มองเ​ห็น​สี​แดงน​ ้อยก​ ว่าป​ กติ ความ​ไว​ใน​การม​ อง​เห็นส​ ี​เขียว​น้อย​กว่าป​ กติ และค​ วามไ​ว​ใน
​การม​ อง​เห็น​สีน้ำเงิน​น้อยก​ ว่าป​ กติ
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37