Page 31 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 31
แสงและทัศนูปกรณ์ 11-23
1.4 ม่านตา (iris) ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปในตาเพื่อชดเชยการมองดูวัตถุใน
สภาพแ สงต ่างๆ ม่านตาจะย ืน่ จ ากด ้านบ นแ ละด ้านล ่างม าป ิดบ างส ว่ นข องเลนสต์ าไว้ ทำใหเ้กิดเป็นช ่องก ลมข ึ้น
เรียกว่า รูมา่ นตา (pupil) ในสภาพแวดล้อมที่มีความสว่างมาก ตาจะปรับให้ม่านตาเคลื่อนเข้าหากัน ทำให้
รมู ่านตาแ คบล ง แสงผ ่านเลนสต์ าไดน้ ้อยล ง ในส ภาพแ วดล้อมท ีม่ คี วามส ว่างน ้อย ตาจ ะป รับใหม้ ่านตาเคลื่อน
ออกจ ากกัน ทำให้ร ูม ่านตากว้างขึ้น แสงผ ่านเลนส์ตาได้มากข ึ้น
1.5 ของเหลวในช่องหน้าลูกตา (aqueous humor) และวุ้นใสหลังเลนส์ตา (vitreous humor)
มีส ่วนช่วยกระจกตาและเลนส์ตาในการหักเหแสงไปตกลงบ นเรตินาหรือจอตา
1.6 เรตินา (retina) ทำหน้าที่เป็นจอร ับภ าพ บนเรตินามีเซลล์ร ับแ สงอ ยู่เป็นจ ำนวนม าก เรตินาจ ึงมี
ความส ำคัญที่สุดต่อก ารม องเห็นภ าพ รูปร่าง และส ีของวัตถุต่างๆ เซลล์ร ับแ สงแ บ่งตามร ูปร ่างข องเซลล์ออก
เป็น 2 ชนิด คือ เซลล์รูปแท่ง (rod cell) กับเซลล์ร ูปก รวย (cone cell) รูปร่างข องเซลล์ทั้งสองชนิด ดังภาพ
ที่ 11.18
ภาพที่ 11.18 เซลลร์ ปู ก รวยและเซลล์ร ูปแท่งบ นเรตินา
เซลล์ร ูปแ ท่งร ับร ู้เกี่ยวก ับค วามเข้มแ สงแ ละก ารเคลื่อนไหว เซลล์ร ูปแ ท่งม ีค วามไวต ่อแ สงค วามเข้ม
ต่ำๆ มากกว่าเซลล์รูปกรวย แต่แยกความแตกต่างของสีไม่ได้ การมองเห็นในเวลากลางคืนจึงเกิดจากการ
ทำงานของเซลล์รูปแ ท่ง โดยภ าพท ี่เห็นจะเป็นภ าพขาวดำ (สีขาว สีดำ หรือสีเทาร ะดับต่างๆ) เซลล์รูปก รวย
รับร ู้เกี่ยวกับสีโดยต ้องการแสงพ อป ระมาณ และทำหน้าที่ได้ดีในที่ที่มีแสงส ว่างมาก เซลล์ร ูปแ ท่งแ ละเซลล์
รูปกรวยเชื่อมต่อกันด้วยเซลล์ประสาทแ ละใยประสาท โดยใยประสาทจะรวมกันเป็น จักษุประสาท (optic
nerve) ซึ่งเป็นท างผ่านข องส ัญญาณไฟฟ้าเคมี (electrochemical signal) ที่เซลล์ร ูปแท่งแ ละเซลล์รูปก รวย
สร้างขึ้นเพื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับส ิ่งท ี่เห็นไปยังส มอง