Page 20 - หลักการและทฤษฎีการศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพครู
P. 20
12-10 หลักการและทฤษฎีการศึกษาเก่ียวกับวิชาชีพครู
ให้เอกชนปฏิบัติตามได้ทันทีโดยไม่ต้องไปฟ้องศาล ท้ังน้ี เพราะเป็นการท�ำเพื่อประโยชน์สาธารณะในฐานะ
ผู้ปกครอง เช่น ต�ำรวจจราจรให้สัญญาณหยุดรถ ถ้ารถไม่หยุดเพราะไม่สมัครใจจะหยุดต�ำรวจสามารถ
ปรับคนขับรถได้ กฎหมายเอกชนใช้กับนิติสัมพันธ์ท่ีต้องอาศัยความสมัครใจของผู้ก่อนิติสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่าย
เน่ืองจากยึดถือหลักความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เพราะเป็นการท�ำเพ่ือประโยชน์ส่วนตัว (Private
Interest) จึงต้องให้มีการท�ำสัญญากันอย่างเสรี หากฝ่ายใดฝ่าฝืนต้องน�ำคดีขึ้นสู่ศาล เพราะต่างฝ่าย
ต่างเสมอภาคกัน ต้องให้ศาลท�ำหน้าที่เป็นคนกลางเข้ามาตัดสิน
เกณฑ์เน้ือหา หากพิจารณาเนื้อหาของกฎหมายมหาชนและกฎหมายเอกชนจะพบว่ามีข้อแตกต่าง
กันอย่างชัดเจน คือ กฎหมายมหาชนเป็นกฎเกณฑ์ท่ีมีลักษณะทั่วไป ไม่ระบุตัวบุคคล คือ เป็นกฎเกณฑ์ที่
ใช้ได้ท่ัวไปไม่เฉพาะเจาะจง และจะตกลงยกเว้นไม่ปฏิบัติตามไม่ได้ ถือว่าเป็นกฎหมายบังคับ ส่วนกฎหมาย
เอกชนไม่ใช่กฎหมายบังคับ เอกชนสามารถตกลงผูกพันกันเป็นอย่างอื่นนอกจากที่กฎหมายเอกชนบัญญัติ
ไว้ได้ แต่ทั้งน้ีจะต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น เมื่อเอกชนยอมใช้
กฎหมายเอกชนระหวา่ งกนั ทำ� ใหก้ ฎหมายเอกชนมลี กั ษณะเปน็ กฎเกณฑเ์ ฉพาะเรอ่ื งทส่ี รา้ งขนึ้ เพอื่ ใชก้ บั บคุ คล
เฉพาะรายเท่าน้ัน เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในการแบ่งประเภทของกฎหมายว่าเป็นกฎหมายมหาชนหรือกฎหมายเอกชน มีหลักเกณฑ์ท่ีใช้
พิจารณาอยู่ 4 หลักเกณฑ์ด้วยกัน ท้ังน้ี ในการพิจารณาจะต้องค�ำนึงถึงท้ัง 4 หลักเกณฑ์นี้ควบคู่กันไป
ไม่อาจที่จะแยกโดยค�ำนึงถึงหลักเกณฑ์ใดเพียงหลักเกณฑ์เดียวได้
3.1 กฎหมายมหาชน (Public Law) กฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายที่ก�ำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง
รัฐหรือหน่วยงานของรัฐกับราษฎร ในฐานะที่รัฐเป็นฝ่ายปกครองราษฎร กล่าวคือ ในฐานะท่ีรัฐมีฐานะเหนือ
ราษฎร กฎหมายมหาชน ประกอบดว้ ย (1) รฐั ธรรมนญู (2) กฎหมายปกครอง (3) กฎหมายอาญา (4) กฎหมาย
วา่ ดว้ ยพระธรรมนญู ศาลยตุ ธิ รรม (5) กฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาความอาญา (6) กฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณา
ความแพ่ง
1) รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายท่ีว่าด้วยระเบียบแห่งอ�ำนาจสูงสุดในรัฐและความสัมพันธ์
ระหว่างอ�ำนาจนั้น ๆ ต่อกันและกัน ลักษณะท่ัวไปคือ
ก. ก�ำหนดระเบียบแห่งอ�ำนาจสูงสุด อ�ำนาจอธิปไตย มาตรา 3 แห่งรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติว่า อ�ำนาจอธิปไตยมาจากปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์
ผู้เป็นประมุขทรงใช้อ�ำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาลตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
ข. รัฐธรรมนูญต้องมีข้อความก�ำหนดความสัมพันธ์ระหว่างอ�ำนาจนิติบัญญัติ อ�ำนาจ
บริหาร อ�ำนาจตุลาการต่อกันและกัน
2) กฎหมายปกครอง หมายถึง กฎหมายท่ีก�ำหนดรายละเอียดเก่ียวกับการปกครองประเทศ
เป็นกฎหมายท่ีรองลงมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายว่าด้วยอ�ำนาจการปกครอง
ประเทศ แต่กฎหมายปกครองเป็นกฎหมายว่าด้วยการด�ำเนินการปกครอง ซ่ึงในกฎหมายน้ีจะกล่าวถึง การ
จดั ระเบยี บองคก์ ารปกครองในระดบั ตา่ ง ๆ เชน่ จดั แบง่ ออกเปน็ กระทรวง ทบวง กรม หรอื เทศบาล สขุ าภบิ าล
เป็นต้น ตลอดจนกล่าวถึงความเก่ียวข้องกันระหว่างองค์การปกครองเหล่าน้ีว่ามีความเก่ียวข้องกัน
อย่างไรบ้าง นอกจากน้ัน ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์การเหล่าน้ีกับราษฎร