Page 21 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 21
การป ระยุกต์ใช้ผ ลการวิจัยท างนิเทศศาสตร์ 14-11
เรื่องที่ 14.2.1
การป ระยุกตใ์ ช้ผลก ารว ิจัยเพือ่ พฒั นาองคค์ วามร้ดู า้ นน ิเทศศาสตร์
นิเทศศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีเนื้อหากว้างขวาง ครอบคลุมทุกปรากฏการณ์ก ารสื่อสารของมนุษย์ทุกรูปแบบ
ตั้งแต่ความคิดไปจนถึงพฤติกรรม มีการหยิบยืมแนวคิดทฤษฎีจากศาสตร์อื่นทั้งมนุษยวิทยาหรือมานุษยวิทยา
สังคมวิทยา ภาษาศาสตร์ เพื่ออ ธิบายภ าพร วมก ารส ื่อสารในแ ง่ม ุมต ่าง ๆ ให้ค รอบคลุม ซึ่งก ารจ ะเป็นศ าสตร์ได้น ั้นต ้อง
ประกอบไปด ว้ ย 1) ตวั อ งคค์ วามร ซู้ ึง่ เปน็ ช ุดค �ำ อธิบายป รากฏการณธ์ รรมชาตอิ ยา่ งเป็นร ะบบ 2) วธิ วี ิทยาในก ารแ สวงหา
องคค์ วามร ูเ้หลา่ น ั้น และ 3) มกี ารก ำ�หนดน ิยามศ ัพทเ์ ฉพาะส าขาอ นั เปน็ ท ีเ่ ข้าใจส อดคลอ้ งก นั ในว งว ิชาการเดยี วกนั การ
พัฒนาสร้างสรรค์ทฤษฎีนั้นจึงเป็นเป้าหมายเบื้องต้นของการก้าวไปสู่การเป็นศาสตร์ นิเทศศาสตร์นี้ยังเป็นศาสตร์ที่
มอี ายนุ อ้ ยเมือ่ เทยี บก บั ศ าสตรอ์ ืน่ ๆ ดงั น ัน้ ห ากจ ะพ ฒั นาน เิ ทศศาสตรไ์ ปส กู่ ารย อมรบั ม คี วามจ �ำ เปน็ ท จี่ ะต อ้ งผ ลติ พฒั นา
ปรบั ปรงุ ทฤษฎกี ารส อื่ สารซ ึง่ เปน็ ช ดุ ข องค �ำ อธบิ ายท นี่ �ำ เสนอภ าพป รากฏการณก์ ารส ือ่ สารอ ยา่ งเปน็ ร ะบบ แสดงใหเ้ หน็ ถ งึ
อ งค์ป ระกอบต ่าง ๆ และค วามส ัมพันธ์ข องอ งค์ป ระกอบเหล่าน ั้นในป รากฏการณ์ก ารส ื่อสารในร ะดับต ่าง ๆ ทั้งในร ะดับ
บุคคล ระหว่างบ ุคคล กลุ่ม องค์การ และส ื่อมวลชน ให้ม ีความส ามารถในการอ ธิบายแ ละทำ�นายก ารส ื่อสารได้อ ย่าง
แม่นยำ�เท่าท ันต ่อส ถานการณ์ในปัจจุบัน
1. ความสมั พันธร์ ะหว่างการวิจยั ก บั ทฤษฎี
การพัฒนาองค์ความรู้เป็นหน้าที่ของนักวิชาการที่จะต้องค้นคว้าหาคำ�อธิบายปรากฏการณ์ท ี่มีประสิทธิภาพ
สามารถพรรณนา เชื่อมโยงองค์ประกอบต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมชัดเจน นอกจากค้นคว้าองค์ความรู้ใหม่ ๆ แล้ว
นักวิชาการยังมีหน้าที่ตรวจสอบความรู้ที่เชื่อถือมาแต่เดิมว่ายังมีความสามารถในการคลี่คลายข้อสงสัยในห้วงเวลา
ปัจจุบันได้หรือไม่ ซึ่งการวิจัยจะเข้ามามีบทบาทสำ�คัญอย่างยิ่งในกระบวนการสร้างความรู้และตรวจสอบความรู้
เหล่าน ั้น ความส ัมพันธ์ระหว่างการวิจัยก ับทฤษฎีน ั้นอาจกำ�หนดได้เป็น 3 มิติ คือ
(1) การวิจัยเพ่ือค้นคว้าทฤษฎีใหม่ เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงอธิบาย
ปรากฏการณ์การส ื่อสารในบริบทต่าง ๆ คำ�อธิบายที่ได้จ ะเป็นข้อสรุปเชิงทฤษฎีที่ม ีค วามส ัมพันธ์ก ับตัวปรากฏการณ์
การสื่อสารอย่างแนบแน่น และรอการตรวจสอบซํ้าเพื่อยืนยันแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ค้นพบใน
ปรากฏการณ์ เพื่อย กร ะดับจ ากท ฤษฎฐี านรากท ีอ่ ธิบายไดเ้ ฉพาะแ หง่ เฉพาะก าลซ ึง่ ม รี ะดบั ค วามเป็นน ามธรรมน อ้ ยหร อื
เป็นเพียงแ ค่ส มมติฐาน ไปส ู่ก ารเป็นท ฤษฎีท ี่ม ีค วามม ั่นคงส ามารถอ ธิบายป รากฏการณ์ก ารส ื่อสารได้อ ย่างค รอบคลุม
กว้างขวางต ่อไป
(2) การวิจัยเพ่ือตรวจสอบความสามารถในการอธิบายปรากฏการณ์ของทฤษฎีที่มีอยู่เดิม ซึ่งอาจเกิดการ
พัฒนาแนวคิดใหม่ที่อาจตรงข้ามกับแนวคิดเดิมโดยสิ้นเชิง ซึ่งแนวคิดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้จะมี
ผู้ยอมรับมากขึ้นต่อเมื่อถูกพิสูจน์ความถูกต้องแม่นยำ�ซํ้า ๆ จนมั่นใจได้ว่าข้อค้นพบสามารถยืนยันหักล้างแนวคิด
เดิมได้
(3) การใช้การวิจัยเพ่ือเพิ่มพูนความลุ่มลึกและกว้างขวางของทฤษฎี เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาแนวคิดเดิมให้
เปน็ ท ีเ่ข้าใจล กึ ซ ึ้งย ิ่งข ึ้นห รอื เปน็ การศ ึกษาเพื่อข ยายค วามเข้าใจจ ากจ ุดห นึง่ ไปย งั จ ุดอ ื่น ๆ ทีเ่ชื่อมโยงก ัน อาจก ลา่ วไดว้ ่า
เป็นกระบ วนการเพิ่มพูนแ นวคิดใหม่จ ากแ นวคิดก ารสื่อสารเดิมท ี่ม ีอยู่