Page 45 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 45
การกำ�หนดตัวแปรและการวัด 3-35
ค�ำ ศ ัพท์ทีเ่ กี่ยวข้องก บั ป ัญหาท ี่ท�ำ ใหข้ าดค วามตรงแ ละความเทีย่ งในการวดั ต ัวแปร
การเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับความตรงและความเที่ยงในการวัดตัวแปรนั้น ผู้วิจัยควรรู้จักและทำ�ความเข้าใจ
คำ�ศัพท์ท ี่เกี่ยวข้องก ับปัญหาที่ท ำ�ให้ข าดค วามตรงแ ละค วามเที่ยงในก ารวัดตัวแปร ดังนี้
1. ความก �ำ กวม (Ambiguity) เกิดเมื่อผ ู้ว ิจัยเข้าใจว่าความสัมพันธ์ (correlation) เป็นค วามเป็นเหตุและผ ล
(causation) ทั้งที่ไม่ใช่ เช่น เข้าใจผ ิดว ่า ตัวแปรอ ายุ กับต ัวแปรร ายได้ เป็นเหตุและผ ลต่อกัน ทั้งท ี่ในความเป็นจริง
ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะผ ู้มีอายุมากไม่ใช่ต้นเหตุข องการม ีรายได้สูง เป็นต้น
2. ความหวาดวิตก (Apprehension) เมื่อคนทั่วไปหวาดวิตกที่จะเข้าร่วมการวิจัย เช่น ความหวาดวิตกว่า
ข้อมูลท ี่เป็นความล ับห รือเรื่องส่วนต ัวของตนจ ะถูกเปิดเผย จึงท ำ�ให้ไม่อ ยากต อบคำ�ถามการว ิจัย เป็นต้น
3. การช ดเชย (Compensation) เมือ่ ผ วู้ จิ ยั ไมส่ ามารถเกบ็ ร วบรวมข อ้ มลู จ ากก ลุม่ ต วั อยา่ งเป้าห มายท ีว่ างแผน
ไว้ล่วงหน้า
4. ความเบอื่ ห นา่ ย (Demoralization) เมื่อค นท ั่วไปเบื่อห น่ายก ารว ัด เช่น การถ ามก ลุ่มต ัวอย่างห ลาย ๆ ครั้ง
เพื่อย ืนยันผลจากการตอบ อาจทำ�ให้ผู้ตอบเบื่อหน่ายที่จะตอบ เป็นต้น
5. การคาดเดาแ ละพ ยายามแ สดงผล (Diffusion) เมื่อค นท ั่วไปสามารถค าดเดาผ ลจ ากก ารว ิจัยแ ละพ ยายาม
แสดงผ ลต ามน ัน้ ซึง่ อ าจเกดิ จ ากก ารส ือ่ สารร ะหวา่ งก นั เกีย่ วก บั เงือ่ นไขก ารท ดลอง ปญั หาน เี้ กดิ จ ากก ลุม่ ต วั อยา่ งส ือ่ สาร
กัน เกิดการเรียนร ู้ระหว่างก ัน (Diffusion or Imitation of treatments) ทำ�ให้ผลจากการต อบคำ�ถามไม่ได้เกิดจ าก
ตัวแปรอิสระ
6. เหตุการณ์แทรก หรือเหตุการณ์ท่ีเกิดระหว่างการวัด (History) เมื่อมีเหตุการณ์สำ�คัญเกิดขึ้นระหว่าง
การวัดก่อนก ับก ารว ัดหลัง ทำ�ให้ก ลุ่มต ัวอย่างเปลี่ยนแปลงโดยไม่เกี่ยวข้องก ับต ัวแปรอ ิสระ
7. การนิยามปฏิบัติการท่ีไม่ถูกต้อง (Inadequate operationalization, unclear definitions) เมื่อการวัด
ตัวแปรขาดความต รง ทำ�ให้ไม่ส ามารถวัดในสิ่งท ี่ผ ู้วิจัยต้องการได้
8. การเปลย่ี นแปลงเครอ่ื งม อื ว ดั (Instrumentation) เมื่อผ ู้ว ิจัยเปลี่ยนแปลงเครื่องม ือว ัด ทำ�ให้เครื่องม ือว ัด
ไม่ค งที่หรือเปลี่ยนแปลงในด ้านค วามคงเส้นคงว า
9. อทิ ธพิ ลแ ทรก (Interaction) เมื่อต ัวแปรแ ทรกเข้าม าม ีอ ิทธิผ ลต ่อก ารด ำ�เนินง านว ิจัยแ ละผ ลก ารว ิจัย เช่น
การเปรียบเทียบผลจากการใช้สื่อที่แตกต่างว่ามีความสัมพันธ์กับการรับรู้ที่แตกต่างหรือไม่ ถ้าผู้วิจัยพบว่ามีความ
แ ตกต ่างในก ารรับรู้ และสรุปว่าเกิดจ ากการใช้ส ื่อท ี่แ ตกต ่าง แต่ในค วามเป็นจริง ความแตกต่างอาจเกิดจ ากป ัจจัยอ ื่น
เช่น ความกระตือรือร้นในต ัวกลุ่มต ัวอย่างที่แ ตกต่างก่อนเริ่มต้นก็ได้ เป็นต้น
10. การเกดิ ว ฒุ ภิ าวะหรอื ก ารเปลย่ี นแปลงในต วั ก ลมุ่ ต วั อยา่ ง(Maturation) เมือ่ ผ เู้ ขา้ ร ว่ มก ารว จิ ยั เปลีย่ นแปลง
หรือเกิดวุฒิภ าวะในช่วงเวลาระหว่างการวิจัย ทำ�ให้กลุ่มตัวอย่างมีว ุฒิภาวะเพิ่มขึ้นในด้านความฉลาด ความแข็งแรง
หรือในท างต รงข้าม คือ ความเหนื่อย ความง่วง ความเบื่อ ความร ีบเร่ง ฯลฯ
11. การส ญู หาย (Mortality) เมื่อผ ู้เข้าร่วมการวิจัยเสียชีวิตหรืออ อกจากก ารว ิจัย
12. การเคลอื่ นเขา้ ส่คู า่ กลาง หรอื การถดถอยทางส ถติ ิ (Regression to the mean, or Statistical regression)
เป็นแนวโน้มก ารได้ค่าคะแนนที่เข้าส ู่ค่าก ลาง (a tendency toward middle scores) หมายถ ึง ค่าที่ได้จากก ารวัดใน
ครั้งแรกม ีค่าสูงห รือต ํ่ามาก เมื่อว ัดในค รั้งต ่อไป ค่าเหล่านั้นม ีโอกาสล ดล งหรือเพิ่มข ึ้น เมื่อค่าเริ่มต ้นของก ารวัดอยู่ใน
ระดับท ี่ส ูงมากหรือตํ่ามากกว่าป กติ การวัดในค รั้งต่อไปมีแนวโน้มเข้าใกล้ค ่ากลาง
13. การแ ข่งขนั (Rivalry) เมื่อกลุ่มผ ู้เข้าร ่วมในการว ิจัยเกิดก ารแ ข่งขันกัน เพื่อให้ได้ค ่าคะแนนท ี่ด ีก ว่าผ ู้อื่น
(the John Henry Effect, when groups compete to score good)
14. การค ดั เลือก (Selection) เมื่อใช้กลุ่มอาสาสมัคร คนจะเลือกต ัวเขาเองเป็นกล ุ่มศ ึกษา