Page 40 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 40

3-30 การ​วิจัย​ทาง​นิเทศศาสตร์

       โดยท​ ั่วไป ความคลาด​เคลื่อนจ​ ากก​ ลุ่ม​ตัวอย่าง​จะ​ลด​ลง ถ้าจ​ ำ�นวนก​ ลุ่ม​ตัวอย่าง​เพิ่ม​ขึ้น
       1.3 		ความคลาด​เคล่ือน​จาก​การ​ปฏิบัติ​งาน​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูล แบ่ง​ได้​เป็น ความคลาด​เคลื่อน​จาก​การ​
ทอด​แบบสอบถาม ความคลาด​เคลื่อน​จาก​ผู้​ให้​ข้อมูล ความคลาด​เคลื่อน​จาก​พนักงาน​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูล และ​
ความคลาด​เคลื่อน​จากก​ าร​หาผ​ ู้​ให้ข​ ้อมูลไ​ม่พ​ บ ดังนี้

            1.3.1 	ความคลาดเ​คลอ่ื นจ​ ากก​ ารท​ อดแ​ บบสอบถาม เกิดจ​ ากก​ ารท​ ีผ่​ ูต้​ อบแ​ บบสอบถามอ​ าจเ​ข้าใจว​ ิธกี​ าร​
ตอบ​ที่​ไม่​ถูกต​ ้อง หรือ​ไม่ต​ รงก​ ัน ทำ�ให้​ข้อมูลท​ ี่ไ​ด้ม​ ี​ความคลาด​เคลื่อน​เกิดข​ ึ้น

            1.3.2 	ความคลาดเ​คลอื่ นจ​ ากผ​ ใ​ู้ หข​้ อ้ มลู เกดิ จ​ ากผ​ ตู​้ อบเ​ขา้ ใจค​ �ำ ถามผ​ ดิ หรอื เ​จตนาไ​มใ​่ หข​้ อ้ มลู ต​ ามค​ วาม​
เป็น​จริง เช่น การไ​ม่ช​ อบ​ท่าที​ของพ​ นักงาน​ที่​เก็บ​รวบรวมข​ ้อมูล ความ​อับอายใ​นก​ าร​ตอบต​ ามค​ วาม​เป็นจ​ ริง เป็นต้น

            1.3.3 	ความคลาด​เคล่ือน​จาก​พนักงาน​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูล เช่น การ​ใช้​คำ�ถาม​ชี้นำ�  บอก​คำ�​ตอบ​เป็น
เ​บื้องต​ ้น หรือก​ าร​บันทึก​ข้อมูลอ​ าจผ​ ิดพ​ ลาด สลับ​หมายเลข​โดย​ไม่เ​จตนา เป็นต้น

            1.3.4 	ความคลาด​เคลื่อน​จาก​การ​หา​ผู้​ให้​ข้อมูล​ไม่​พบ และ​ไม่​สามารถ​หา​ผู้​ให้​ข้อมูล​ทดแทน ทำ�ให้​เกิด​
ความผ​ ิดพ​ ลาด หรือ​ข้อมูลส​ ูญหาย (missing data) เป็นต้น

2. 	ความคลาด​เคล่อื น​เชิงส​ ุ่ม

       ความคลาด​เคลื่อน​เชิง​สุ่ม เป็น​ความคลาด​เคลื่อนที่​เกิด​ขึ้น​โดย​ไม่​เจตนา ไม่​ส่ง​ผล​ที่ค​ งที่​ต่อ​การ​วัด อาจ​เป็น
เ​ชงิ บ​ วกห​ รอื เ​ชงิ ล​ บก​ ไ็ ด้ โดยไ​มก​่ ระทบต​ อ่ ผ​ ลก​ ารว​ ดั โ​ดยร​ วม เปน็ ค​ วามคลาดเ​คลือ่ นทเี​่ กดิ ก​ บั ก​ ลุม่ ต​ วั อยา่ งบ​ างค​ นเ​ทา่ นัน้
ถ้า​มี​จำ�นวนก​ ลุ่มต​ ัวอย่างม​ ากเ​พียง​พอ ผล​รวม​ของค​ วามคลาดเ​คลื่อนจ​ ะเ​ป็นศ​ ูนย์ ความคลาดเ​คลื่อนเ​ชิงส​ ุ่มท​ ำ�ให้เ​กิด​
ปัญหาก​ ารข​ าดค​ วามเ​ที่ยงจ​ าก​การว​ ัดต​ ัวแปร อาจ​เรียก​ความคลาดเ​คลื่อนเ​ชิง​สุ่ม​ว่า “สิ่ง​รบกวน (noise)”

       ความคลาดเ​คลื่อนเ​ชิงส​ ุ่ม เป็นค​ วามคลาดเ​คลื่อนที่ไ​ม่ไ​ด้​เกิด​จาก​ระบบง​ านส​ ำ�รวจ แต่เ​กิดโ​ดยไ​ม่​ได้​เจตนาใ​น​
ขณะป​ ฏบิ ตั ง​ิ าน ลกั ษณะส​ �ำ คญั ข​ องค​ วามคลาดเ​คลือ่ นป​ ระเภทน​ คี​้ อื ถา้ น​ �ำ ​ขอ้ มลู ม​ าแ​ จกแจงค​ วามถี่ จะไ​ดร​้ ปู การแ​ จกแจง​
ที่​เป็น​โค้ง​ระฆัง​ควํ่า ผล​รวมข​ อง​ความคลาด​เคลื่อน​นี้ม​ ี​ทั้งบ​ วก​และ​ลบ เมื่อ​หักก​ ลบ​ลบล้าง​จะ​ได้​ค่า​เฉลี่ย​เท่ากับ​ศูนย์ จึง​
มักไ​ม่ท​ ำ�ให้ค​ ่าที่ไ​ด้จ​ ากก​ ารส​ ำ�รวจต​ ่างจ​ ากค​ ่าค​ วามเ​ป็นจ​ ริง ส่วนค​ วามคลาดเ​คลื่อนจ​ ากร​ ะบบท​ ำ�ให้ไ​ด้ค​ ่าส​ ำ�รวจ มีค​ ่าส​ ูง​
หรือ​ตํ่าก​ ว่า​ค่าค​ วาม​เป็นจ​ ริง ซึ่ง​เป็นค​ วาม​แตก​ต่าง​ระหว่างค​ วามคลาด​เคลื่อนท​ ั้ง​สองป​ ระเภท

       ความคลาด​เคลื่อนท​ ั้งส​ อง​ประเภท​อาจ​เกิดใ​นท​ ุกข​ ั้นต​ อนข​ อง​การส​ ำ�รวจ
       การ​ลดค​ วามคลาด​เคลื่อนจ​ าก​การว​ ดั
       วิธีก​ ารล​ ดค​ วามคลาด​เคลื่อน​จากก​ าร​วัด ทำ�ได้โ​ดย
       1. 	 การน​ ิยาม​ตัวแปรท​ ี่ศ​ ึกษา​อย่างช​ ัดเจน ทั้ง​การ​นิยาม​เชิง​ทฤษฎี และก​ าร​นิยามป​ ฏิบัติก​ าร
       2. 	 การใ​ช้ “กรอบก​ ารเ​ลือกต​ ัวอย่าง (sampling frame)” ที่ท​ ัน​สมัย
       3. 	 การใ​ช้ว​ ิธี​การ​เลือกก​ ลุ่ม​ตัวอย่าง​ที่​ถูกต​ ้อง
       4. 	 การ​ตรวจ​สอบ​รูป​แบบ​ของ​เครื่อง​มือ​วัด การ​ใช้​คำ�  และ​การ​ใช้​ภาษา​ใน​เครื่อง​มือ​วัด เพื่อ​เอื้อ​ให้​ผู้​ตอบ
​อ่าน​ง่าย เข้าใจง​ ่าย อีก​ทั้ง​ช่วย​ให้ผ​ ู้บ​ ันทึกข​ ้อมูลส​ ามารถบ​ ันทึกไ​ด้ส​ ะดวก
       5. 	 การ​ทดลอง​ใช้​เครื่อง​มือ​ใน​การ​วัด​ก่อน​ปฏิบัติ​การ​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูล (try out) เพื่อ​ทราบ​ปฏิกิริยา​
ป้อน​กลับจ​ ากผ​ ู้ต​ อบ ว่าข​ ้อค​ ำ�ถาม​เพื่อ​วัดส​ ิ่ง​ที่​ศึกษาง​ ่ายห​ รือ​ยาก เหมาะส​ มห​ รือไ​ม่
       6. 	 ถ้า​การ​เก็บร​ วบรวม​ข้อมูลใ​ช้​ผู้​สัมภาษณ์ห​ รือผ​ ู้​สังเกต ต้องอ​ บรม​ผู้​สัมภาษณ์ห​ รือผ​ ู้​สังเกต เพื่อไ​ม่​ให้​เกิด​
ความ​ผิด​พลาด​ใน​การ​ทำ�งาน ไม่​ใช้​คำ�ถาม​ชี้นำ�  ระมัดระวัง​ใน​การ​บันทึก​ข้อมูล ความ​สามารถ​ใน​การ​หาก​ลุ่ม​ตัวอย่าง​
ทดแทน เป็นต้น
       7. 	 การต​ รวจ​สอบข​ ้อมูล​อย่าง​ถี่ถ้วน รวม​ทั้ง​การป​ ้อน​ข้อมูลล​ ง​ในเ​ครื่อง​ช่วยค​ ำ�นวณ
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45