Page 72 - ความรู้เบื้องต้นการสื่อสารชุมชน
P. 72

6-62 ความรเู้ บ้ืองตน้ การส่ือสารชุมชน
ต่อสู้ ต่อรอง กับอ�ำนาจรัฐมาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สามารถเช่ือมโยงประเด็นท้องถ่ินให้ขยายไปสู่
ประเดน็ สาธารณะได้ กอปรกบั เทคโนโลยสี อื่ อยใู่ นชว่ งเปลย่ี นผา่ นทำ� ใหร้ าคาของอปุ กรณม์ รี าคาถกู ลงจน
ภาคประชาชนสามารถเขา้ ถงึ ได้ จนทำ� ให้กลมุ่ คนชายขอบสามารถเข้ามาผลิตรายการโทรทศั นไ์ ด้ง่าย

       การเปดิ พน้ื ทสี่ าธารณะใหก้ บั คนชายขอบเชน่ นค้ี อื การจดุ เปลยี่ นครง้ั สำ� คญั ในการพลกิ บทบาทของ
คนชายขอบที่เคยเป็นแต่ผู้ชมรายการโทรทัศน์ (Receiver) หรือเป็นส่วนหน่ึงของสาร (Message) ท่ี
ปรากฏทางหน้าจอโทรทัศน์ มาเป็นผสู้ ง่ สาร (Sender) เตม็ ตวั ทัง้ ยังเป็นการเข้ามาสื่อสารในพน้ื ที่ “สอ่ื
โทรทัศน์” ซึ่งทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์การเมืองมองว่าเป็นอาณาเขตของกลุ่มอ�ำนาจในสังคมและกลุ่ม
ชนช้นั กลาง

       ทา้ ยทส่ี ดุ ปาจารยี ์ เสนอวา่ พนื้ ที่ “สอ่ื พลเมอื ง” ไทยพบี เี อส เปน็ พน้ื ทสี่ อื่ ทมี่ กี ารออกแบบไวก้ อ่ น
เนื่องจากอยู่บนพ้ืนที่สื่อโทรทัศน์ มีกรอบเวลาในการออกอากาศ มีขนบและข้อตกลงแบบส่ือโทรทัศน์
มีรหัสเฉพาะทางวิชาชีพที่ค�ำนึงถึงผลกระทบต่อผู้รับสารเป็นส�ำคัญภายใต้กรอบและโครงสร้างเช่นน้ี เดิม
เปน็ พนื้ ทอ่ี นั แขง็ ตวั จนเปน็ เรอื่ งยากอยา่ งยงิ่ ทก่ี ลมุ่ คนชายขอบจะสามารถเขา้ ถงึ ไดอ้ ยกู่ จ็ รงิ แตก่ ระนนั้ กลมุ่
คนชายขอบก็ยังสามารถท่ีจะเข้ามามี “สิทธิ” มี “เสียง” ระดับหนึ่งในพ้ืนท่ีดังกล่าว สามารถท่ีจะผลิต
“สาร” ในรปู แบบของตน โดยผา่ นการเรยี นรแู้ ละ “ตอ่ รอง” กบั สำ� นกั สอื่ พลเมอื งซงึ่ ดแู ลพนื้ ทนี่ อี้ ยู่ เทคนคิ
การ “ตอ่ รอง” ท่สี �ำคญั กค็ อื คนชายขอบและสื่อโทรทศั น์ตอ่ รองกนั ในระดับ “รหัสการสอ่ื สาร” เนอื่ งจาก
เป็นสนามประลองของชนช้ันท่ีมีความแตกต่างกัน จึงมีการเผชิญหน้ากันระหว่าง “รหัสแบบชาวบ้าน”
(Restricted Code) กบั รหัสแบบสอ่ื มวลชน (Elaborated Code) ผลงาน “สอ่ื พลเมอื ง” ท่ปี รากฏในส่อื
โทรทศั นจ์ ึงพบวา่ มรี หสั ท้งั สองชุดผสมผสานกนั

       การสอื่ สารภาคพลเมอื งมศี กั ยภาพสรา้ งให้ “ชาวบา้ น” กลายเปน็ ตวั แสดงทางการเมอื ง (Political
Actor) ทคี่ นในสงั คมตอ้ งตดิ ตามการขบั เคลอ่ื นและซงึ่ เทา่ กบั การสรา้ งใหช้ าวบา้ นมอี ำ� นาจตอ่ รองในทางการเมอื ง
ในประเดน็ นงี้ านศกึ ษาของ ปาจารยี ์ (2555) ซง่ึ ไดศ้ กึ ษาในหว้ งเวลาตอ่ มา กไ็ ดช้ ว่ ยขยายใหเ้ หน็ ความสำ� คญั
และการกระบวนสร้างให้ชาวบ้านให้เป็น “ตัวแสดงทางการเมือง” (Political Actor) ได้อย่างไร
กระบวนการของการพลิกบทบาทจากผ้รู ับสารชายขอบและผู้เปน็ เคยเป็นสว่ นประกอบของเน้ือหาสาร ให้
กลายมาเปน็ “ผสู้ ง่ สาร” รวมถงึ การทำ� ให้ “ขา่ วพลเมอื ง” กลายเปน็ เครอื งมอื ในการตอ่ สู้ ตอ่ รอง ในหลาย
ระดบั ทงั้ ในระดบั ของประเดน็ ผลประโยชนท์ างชนชนั้ ทตี่ นเองสงั กดั และการตอ่ รองกบั พน้ื ทส่ี าธารณะทาง
โทรทศั นโ์ ดยใช้ “รหสั ” ของการสือ่ สารเพอื่ ทำ� ให้ประเดน็ ของตนเปน็ ทีย่ อมรบั ในระดบั สาธารณะ

       การอภิปรายของ ปาจารยี ์ (2555) กลบั ชไ้ี ปอีกทางหนง่ึ ว่า ปรากฏการณ์เชน่ นอ้ี าจตคี วามได้วา่
นีอ่ าจเป็นการปรากฏ (Emergence) ของพื้นท่ที างอุดมการณท์ ่ที �ำให้เกิดการรวมตัวเฉพาะกิจของชนช้นั
ท่ีแตกตา่ งกัน ตามแนวคดิ ของ อันโตนิโอ กรัมช่ี ทเี่ รยี กวา่ “กลุ่มทางประวตั ิศาสตร”์ (Historical bloc)
ท่ีมองว่าชนชั้นต่างๆ ในสังคมไม่ได้แยกขาดออกจากกันอย่างสมบูรณ์ แต่ในห้วงเวลาที่เหมาะสมทาง
ประวัตศิ าสตร์จะเกดิ การรวมตวั กันเขา้ เป็น “กลมุ่ ” (Bloc) หรือเกิดกระบวนการทที่ �ำใหผ้ ู้คนต่างชนช้นั
เชื่อมร้อยกันเอาไว้ด้วยอุดมการณ์หรือเป้าหมายทางสังคมร่วมกัน โดยมีข้อต่อที่ส�ำคัญคือ ตัวนักข่าว
พลเมอื งทมี่ สี ถานภาพแบบชนชน้ั ผนู้ �ำ (Elite) ในการเชอ่ื มรอ้ ย ตอ่ รอง เพ่อื รกั ษาผลประโยชนข์ องชนชน้ั
เอาไว้ พ้ืนท่ีและเวลาสั้นๆ เพียง 3 นาที ได้กลายเป็น “พ้ืนท่ีสาธารณะเพื่อการต่อกร” (a counter
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77