Page 26 - ภาษาอังกฤษสำหรับครูสอนภาษา

1-16 ภาษาอังกฤษส�ำ หรับครสู อนภาษา
ภาษาที่ใช้ในการส่ือสารนั้นเป็นการเปล่งเสียงค�ำต่างๆ ในภาษาต่อเน่ืองกัน การท่ีค�ำใดจะ

อยใู่ นตำ� แหนง่ ไหนนนั้ เปน็ สงิ่ ทรี่ กู้ นั ในระหวา่ งผใู้ ชภ้ าษา แตล่ ะภาษาจะมรี ปู แบบเฉพาะตวั ในการวาง
ค�ำเพ่ือสื่อสารความนึกคิดต่างๆ เช่น ภาษาไทยใช้ว่า แมวสีด�ำตัวนั้น ภาษาอังกฤษจะใช้ว่า that
black cat เราจะเหน็ ไดว้ า่ ขอ้ ความอยา่ งเดยี วกนั จะออกเสยี งตา่ งกนั ไปในแตล่ ะภาษา และมวี ธิ กี าร
เรียงเสียงและเรียงค�ำแตกต่างกันด้วย ผู้ท่ีรู้หรือเข้าใจภาษาก็คือ ผู้ที่สามารถโยงเสียงที่ได้ยินกับ
ความหมายหรอื สงิ่ ทผ่ี พู้ ดู ตอ้ งการสอ่ื ผทู้ ใ่ี ชภ้ าษาเดยี วกนั เมอ่ื ไดย้ นิ ไดฟ้ งั ขอ้ ความเดยี วกนั กจ็ ะเขา้ ใจ
ตรงกัน การท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะการโยงเสียงกับความหมายเป็นไปตามระบบ หากไม่มีระบบแล้ว
ความเข้าใจตรงกันและการเรยี นรู้ภาษาของคนแตล่ ะรนุ่ จะเป็นไปไมไ่ ด้

ความจริงที่ว่าภาษามีระบบจะเห็นได้อย่างชัดเจน ถ้าเราศึกษาบทกลอนหรือข้อความท่ี
ผเู้ ขยี นแตง่ เลน่ สนกุ ๆ โดยใชค้ ำ� หรอื กลวธิ ที ผ่ี เู้ ขยี นคดิ ขนึ้ มาเอง เชน่ โคลงของ Lewis Carroll ใน
หนงั สอื Through the Looking-Glass โคลงนเี้ รม่ิ ตน้ วา่

’Twas brillig, and the slithy toves
Did gyre and gimble in the wabe;

All mimsy were the borogoves,
And the mome raths outgrabe.

ข้อความสี่บรรทัดนี้มีค�ำหลายค�ำที่ผู้อ่านไม่เคยพบมาก่อน แม้จะไปเปิดพจนานุกรมหา
ความหมายของค�ำเหลา่ นก้ี จ็ ะไมพ่ บ เพราะไมใ่ ชค่ �ำทใ่ี ชก้ นั ในภาษาองั กฤษ แตผ่ ทู้ ร่ี ภู้ าษาองั กฤษจะ
ตอ้ งยอมรบั วา่ คำ� ทผ่ี แู้ ตง่ คดิ ขนึ้ มาซงึ่ ไดแ้ กค่ ำ� ทพ่ี มิ พต์ วั เอนนนั้ เปน็ คำ� ทเ่ี ปน็ ไปไดต้ ามระบบเสยี งและ
ระบบคำ� ของภาษาองั กฤษ นอกจากนน้ั การเรยี งคำ� และการใชค้ ำ� กเ็ ปน็ ไปตามโครงสรา้ งของภาษา
และแมโ้ คลงบทนจี้ ะไมส่ อ่ื ความหมายชดั เจน แตผ่ อู้ า่ นกม็ คี วามรสู้ กึ เหมอื น Alice ทต่ี งั้ ขอ้ สงั เกตวา่
“Somehow it seems to fill my head with ideas only I don’t exactly know what
they are!”

เราอาจจะไม่ตระหนักว่าภาษาที่เราใช้นั้นมีระบบ เพราะตามธรรมดาเราจะไม่หยุดคิดเรื่อง
กลไกของภาษา แต่เม่ือมีการใช้ภาษาในลกั ษณะทแี่ ปลกจากธรรมดา ระบบของภาษากจ็ ะเป็นสิง่ ที่
เหน็ ได้เด่นชดั