Page 67 - สังคมมนุษย์
P. 67

มนษุ ยก์ บั สถาบนั สังคมและการจดั ช่วงชั้นทางสังคม 3-57
            ชนช้ันกลาง ของละโว้นั้นจากหลกั ฐานต�ำนานมูลศาสนากลา่ วถงึ “สังมงคล” ที่พระนาง-
จามเทวีทรงขอพระราชบิดาเพ่ือน�ำไปหริภุญชัย ได้แก่ บัณฑิต หมู่ช่างสลัก ช่างแก้วหวาน พ่อเลี้ยง
หมู่หมอโหรา หมอยา ช่างเงิน ช่างทอง ช่างเหล็ก ช่างเขียน (ต�ำนานมูลศาสนาเอกสารอนุสรณ์ในงาน
พระราชทานเพลิงศพ ม.ล. เดช สนิทวงศ์ 2518, น. 129) ซึ่งช่างเหล่านี้จัดเป็นชนชั้นกลางของสังคม
นอกจากน้ีแล้วชนช้ันกลางของสังคมยังมีพ่อค้าท่ีค้าขายระหว่างละโว้กับหริภุญชัย และจะจารึกบน
เสาแปดเหลี่ยมที่ศาลสูง ลพบุรีมีการกล่าวถึง “พ่อบ้าน” (ประชุมศิลาจารึกภาคท่ี 2, 2504, น. 11)
พอ่ บา้ นน้ีอาจหมายถงึ หัวหมู่บา้ น หรอื อาจหมายถึงคนทร่ี ํ่ารวยม่งั ค่งั
            ชนชั้นต่ํา ทาสเปน็ ชนชนั้ ตา่ํ สดุ ในสงั คมละโวใ้ นละโวม้ ที าสจำ� นวนมากโดยเฉพาะทาสเชลย-
ศึกโดยในพุทธศตวรรษท่ี 16 เกิดสงครามระหว่างพระเจ้าละโว้ พระเจ้าหริภุญชัย และพระเจ้ากัมโพธ
ต�ำนานจามเทวีวงศ์ได้กล่าวไว้ถึงการแย่งชิงก�ำลังคนมาเป็นทาส การที่ละโว้มีทาสจ�ำนวนมากแต่ไม่พบ
ค�ำว่า “ไพร่” จากหลักฐานใดๆ เลย ท�ำให้เช่ือว่าระบบการควบคุมก�ำลังคนของละโว้อยู่ในรูปของระบบ
ทาส คนส่วนใหญ่ในสังคมคือพวกทาส ดังจะเห็นได้จากหลักฐานจารึกปรากฏค�ำว่า “ทาส” และการ
แย่งชิงทาส ในตำ� นานดงั กล่าว และนายทาสก็คือชนช้นั สูง
            1.1.2 	สังคมในอาณาจักรล้านนา (ชนิ กาล มาลีปกรณ,์ น. 74-75) อาณาจักรล้านนาเปน็
อาณาจักรท่ีเกิดขึ้นภายใต้การน�ำของพระเจ้ามังรายแห่งราชวงศ์ลาวจากเมืองเชียงรายได้รวบรวมเมือง
ต่างๆ ไว้ในอ�ำนาจ และต่อมาได้ย้ายมาสร้างราชธานีที่เมืองเชียงใหม่ อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร
ล้านนาใน พ.ศ. 1839 สงั คมอาณาจักรล้านนาพฒั นามาจากชุมชนเครอื ญาติมาเปน็ ชุมชนเมือง
            การจัดชว่ งชน้ั ในสังคมในอาณาจกั รล้านนา ตามกฎหมายมังรายศาสตร์ไดก้ �ำหนดลักษณะ
ชนชั้นและหนา้ ทขี่ องคนในสังคมเปน็ ชนช้ันสงู และชนช้ันตํ่า
            ชนช้ันสูง ประกอบดว้ ย กษตั ริย์ ขุนนาง และพระสงฆ์ สถาบนั กษตั รยิ ์ และสถาบนั สงฆ์ มี
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดต่างเก้ือกูลซ่ึงกันและกัน ส�ำหรับขุนนางซ่ึงเป็นชนช้ันสูงมีหน้าท่ีช่วยเหลือกษัตริย์
ปกครองบ้านเมือง เกบ็ ภาษี ตัดสนิ คดีความ ควบคุมดแู ลขนุ นางชนั้ ผูน้ ้อย ซ่งึ เปน็ ผูด้ แู ลไพร่และมหี นา้ ที่
ชว่ ยเหลอื ในการรบ ตลอดจนการเกณฑไ์ พรพ่ ลมาชว่ ยรบในยามสงคราม สว่ นขนุ นางชนั้ ผนู้ อ้ ยมหี นา้ ทเ่ี ปน็
คนกลางตดิ ต่อระหวา่ งเจ้านาย ขุนนางชัน้ สงู กบั ประชาชน เป็นผ้คู วบคมุ ไพรซ่ ง่ึ เปน็ แรงงานในการผลิตให้
อยใู่ นภมู ลิ ำ� เนาจะไดเ้ กณฑแ์ รงงานไดส้ ะดวก เปน็ ผเู้ กณฑไ์ พรท่ ำ� งานและเปน็ ผอู้ อกคำ� สงั่ ควบคมุ การทำ� งาน
ของไพร่ให้เป็นไปตามค�ำสั่งของเจ้านายและชนชั้นสูง (พวงเพชร สุรัตนกวีกุล และพรภิรมณ์ เชียงกูล,
2542, น. 167)
            ไพร่ เปน็ สามญั ชนชาย-หญงิ ซ่ึงเป็นราษฎรส่วนใหญ่ เป็นแรงงานส�ำคัญ ในยามสงบไพร่
ถูกเกณฑม์ าทำ� งานขุดซอ่ มแซมเหมืองฝาย เพื่อใช้ประโยชนใ์ นการชลประทาน กำ� แพงเมอื งและวัด ไพร่
มีอิสระในการประกอบอาชีพส่วนใหญ่จะท�ำนาและค้าขาย ยามสงครามไพร่ถูกเกณฑ์มาเป็นก�ำลังในการ
รบ สทิ ธขิ องไพรไ่ ดร้ บั ความคมุ้ ครองทรพั ยส์ นิ เชน่ เดยี วกบั ชนชนั้ สงู (พวงเพชร ศรุ ตั นกวกี ลุ และพรภริ มณ์
เชียงกลู , น. 168)
            ชนช้ันตํ่า สุดของสังคมคือข้าหรอื ทาส กฎหมายมงั รายศาสตร์ ได้แบ่งขา้ เปน็ 2 ประเภท
คอื ขา้ หลวง หรือข้าทา้ วพระยา และข้าหรือไพร่ของพ่อคา้
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72