Page 31 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 31
การผลติ และการใชส้ อ่ื เพอ่ื สรา้ งความเข้มแขง็ ของชุมชน 15-21
อัตลักษณ์ของตนอย่างไร ข้อค้นพบของนิติช้ีให้เห็นว่า การแสดงออกของอัตลักษณ์หนึ่งๆ จะเก่ียวเน่ือง
กบั สภาพการณ์ทต่ี ้องแข่งขนั เพอ่ื ให้ได้มาซึ่งทรัพยากร เชน่ ลูกครึ่งไทย-จนี จะแสดงอัตลักษณ์เป็น “คน
จนี ” เม่อื ออกไปหางานท�ำตามห้างร้าน ทว่าเมื่อตอ้ งไปสอบชงิ ทนุ เรยี นต่อต่างประเทศและตอ้ งแขง่ ขนั กบั
ชาติอ่ืนๆ ในเอเชีย เขาก็จะแสดงอัตลักษณ์เป็น “คนไทย” ออกมา เพราะฉะน้ัน แม้ว่าคนคนหน่ึงจะมี
อัตลักษณ์หลากหลายมิติ แต่การท่ีเขา/เธอจะพลิกโฉมหน้าใดออกมาสื่อสารกับคนอื่นนั้น ข้ึนอยู่กับ
ผลประโยชนท์ างการเมือง/เศรษฐกจิ /สังคม/วัฒนธรรมทค่ี นเหล่านนั้ ต้องตอ่ รองช่วงชิงมา
เนอื่ งจากอตั ลกั ษณเ์ ปน็ เรอ่ื งของการสอื่ สารเพอื่ เกยี่ วโยงปจั เจกบคุ คลเขา้ กบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
“ความเปน็ เรา” (Us) กบั “ความเป็นอื่น” (Them) ดังนน้ั อตั ลักษณจ์ ึงเกยี่ วขอ้ งกับ “ความเป็นชุมชน”
โดยตรง รวมท้ังยังเป็นตัวแปรส�ำคัญต่อการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ดังที่ อานันท์ กาญจนพันธุ์
(2544) ได้กล่าวถึง “ความเป็นชุมชน” ว่า เป็นเร่ืองของความเป็นตัวตนหรืออัตลักษณ์ ซึ่งมีความ
หลากหลายปรากฏอยใู่ นหลายรปู ลกั ษณท์ มี่ คี วามหมาย เพราะความเปน็ ชมุ ชนกค็ อื ความพยายามจะบอก
ใหค้ นอน่ื ๆ รับรู้ว่า “พวกเราเป็นใคร” ซึ่งเป็นเรื่องของการเช่อื มโยงตนเองกับคนอืน่ ในสงั คม เปน็ เร่ืองท่ี
เกี่ยวกับมิติความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจ เป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวกับสิทธิท่ีจะได้รับการยอมรับว่าตัวเองมีความชอบ
ธรรม เพราะความเปน็ ชมุ ชนวางอยบู่ นหลกั การเกยี่ วกบั อำ� นาจในการมสี ว่ นรว่ ม ดงั นนั้ หากถกู กดี กนั หรอื
ถูกปฏเิ สธ ชุมชนกจ็ ะรวมตัวกนั เพ่ือเรียกรอ้ งทวงสิทธิดังกลา่ ว
อย่างไรก็ดี ลักษณะที่ส�ำคัญของความเป็นชุมชนจะประกอบขึ้นด้วยปัจจัยอย่างน้อย 4 ประการ
ดว้ ยกนั คือ
• คุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรม หรือคุณค่าท่ีแต่ละชุมชนได้พัฒนาขึ้นเพ่ือเป็นชุด
ความหมาย รหัส หรอื ข้อตกลงทจ่ี ะบอกกับสมาชิกถงึ “ความเปน็ เรา” รว่ มกัน เช่น ในชมุ ชนชนบทของ
ไทย มีระบบคุณค่าหลายอย่างท่ีถูกสร้างข้ึนเป็นจารีต ธรรมเนียมปฏิบัติ ค่านิยม และข้อตกลงทาง
วฒั นธรรมตา่ งๆ เพอื่ จะขบั เคลอ่ื นใหช้ มุ ชนเกดิ ความเปน็ พวกเดยี วกนั อาทิ คณุ คา่ เรอื่ งความกตญั ญู คณุ คา่
เร่ืองการเคารพผู้อาวุโส ดังปรากฏในส�ำนวนไทยว่า “หัวหงอกเดินน�ำ หัวด�ำเดินตาม” “ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่
อาบนํ้ารอ้ นมาก่อน” “ให้รูจ้ กั บญุ คุณข้าวแดงแกงร้อน” ฯลฯ
• ทุนทางสังคม อันหมายถึง ทนุ หรอื ปัจจัยการผลิตตา่ งๆ ท่อี ยูใ่ นชุมชน ไมว่ า่ จะเป็นทนุ
ทางเศรษฐกจิ (อาทิ เงนิ ทด่ี นิ ทรพั ยากร) และทนุ ประเภทอน่ื ๆ (อาทิ ระบบความรขู้ องชมุ ชน ภมู ปิ ญั ญา
ท้องถ่ิน การจัดการความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันของชุมชน เครือข่าย จิตส�ำนึกร่วมของสมาชิกชุมชน
ฯลฯ)
• สิทธิเกี่ยวกับความชอบธรรมต่าง ๆ หรอื อธบิ ายงา่ ยๆ กค็ อื ในความเปน็ ชมุ ชนนนั้ ตอ้ ง
มกี ารจดั “ที่ยนื ” หรือ “ต�ำแหนง่ แห่งท”่ี ให้กบั สมาชิกทกุ คนเข้ามามีสว่ นร่วม ซ่ึงออกมาในรปู แบบของ
“สิทธิ” และ “สิทธิชุมชน” เช่น ในกรณีของการจัดการนํ้าซึ่งเป็นทรัพยากรร่วมกันของชุมชน ก็ต้องคิด
ค�ำนึงถึง “สิทธิ” ที่ผเู้ ก่ียวขอ้ งทกุ คนพงึ มสี ่วนในปัจจัยการผลิตดังกล่าว ไมใ่ ชเ่ ฉพาะนายทนุ หรอื ภาครัฐท่ี
มีอ�ำนาจยึดครองเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงสิทธิของชาวบ้านท่ีอยู่อาศัยริมแม่นํ้า ผู้ใช้นํ้าอุปโภคบริโภค
ชาวบา้ นผู้ประกอบอาชีพประมง ชาวบ้านท่สี ญั จรไปมาทางน้าํ ชาวบ้านท่หี าอย่หู ากินริมตล่งิ และสมาชิก
ชุมชนทสี่ มั พันธอ์ ยูก่ ับสายนา้ํ น้ัน