Page 33 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 33

การผลติ และการใชส้ ื่อเพือ่ สร้างความเข้มแขง็ ของชมุ ชน 15-23
กลมุ่ คนพลดั ถนิ่ ทอ่ี พยพมาตง้ั ถนิ่ ฐานในสยามประเทศตงั้ แตก่ วา่ 250 ปมี าแลว้ แตก่ ารพลดั ถน่ิ กท็ ำ� ใหม้ อญ
พลดั ถ่ินมกี ารแตกตัวเป็นกลุ่มชมุ ชนทกี่ อ่ รูปกอ่ ร่างอตั ลักษณ์เฉพาะบางอยา่ งขึน้ มา

       ในงานวจิ ยั เลม่ ดงั กลา่ ว สจุ ติ ราไดเ้ ลอื กกรณศี กึ ษากลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ อญทแี่ ตกตา่ งกนั ไปจาก 3 ชมุ ชน
มอญด้วยกัน คือ (1) กลุ่มชุมชนมอญพระประแดง ทเ่ี คยท�ำหน้าทเี่ ป็นนายปราการคมุ หนา้ ด่านทางทะเล
เพือ่ ปอ้ งกันเมอื งหลวงให้พ้นภยั จากการลา่ อาณานิคมของชาตติ ะวนั ตกต้ังแต่สมยั รัชกาลที่ 2 ดงั น้ันมอญ
พระประแดงกลุ่มน้ีจึงสร้างอัตลักษณ์และนิยามตนเองว่าเป็น “มอญชนชั้นปกครอง” หรือ “มอญไฮโซ”
(2) กลุม่ ชมุ ชนมอญเกาะเกร็ด ท่ีอพยพมาตั้งรกรากยาวนานกว่ากล่มุ แรก โดยเคยมีบทบาทเปน็ ด่านเก็บ
ภาษี และเปน็ ชมุ ทางการคา้ ขายพบปะแลกเปลย่ี นสนิ คา้ กบั คนตา่ งถน่ิ (cosmopolitans) รวมถงึ ประกอบ
อาชีพท�ำเคร่ืองปั้นดินเผา จนในท่สี ดุ มอญเกาะเกรด็ ก็นิยามอตั ลักษณต์ นเองว่าเป็น “มอญคา้ ขาย” หรอื
“มอญชา่ งปน้ั ” และ (3) กลมุ่ ชมุ ชนมอญบางกระด่ี เปน็ ชมุ ชนมอญทเี่ กดิ ขน้ึ ใหมข่ องชาวไทยเชอื้ สายมอญ
ท่ีอพยพมาจากหลากหลายแหล่งในประเทศไทย และมาตั้งรกรากแถบคลองมหาไชยท่ีมีป่าชายเลนและ
ป่าจาก ซึ่งเหมาะจะเป็นแหล่งวัตถุดิบในการประกอบอาชีพ มอญบางกระดี่จึงไม่เลือกนิยามตนเองกับ
ประวัติศาสตร์การอพยพ หากแต่สร้างอัตลักษณ์ตนเสียใหม่ให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศและแหล่งท�ำมา
หากนิ ในปัจจบุ นั วา่ เปน็ “มอญนาํ้ เค็ม”

       บนเส้นทางของการปะทะประสานกันระหว่างชุมชนมอญ 3 กลุ่มดังกล่าว ในแง่ของมุมมองและ
การรบั รู้อัตลกั ษณ์ระหวา่ ง “คนใน” และ “คนนอก” นนั้ งานวิจยั ไดเ้ ผยให้เหน็ ลกั ษณะส�ำคัญ 3 ประการ
อนั ไดแ้ ก่

       (1) 	อัตลักษณ์ความเป็นมอญ จะมีลักษณะล่ืนไหลไม่หยุดน่ิง (fluid) เป็นแบบท่ีเรียกว่า กํ้าๆ
กง่ึ ๆ (in-between) ในลกั ษณะเป็นมอญๆ ไทยๆ นัน่ หมายความวา่ เวลาทีช่ าวมอญในชุมชนต่างๆ ต้อง
ออกไปมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผคู้ นในสงั คมตา่ งถนิ่ มกั จะไมแ่ สดงตวั ตนความเปน็ มอญออกมา แตจ่ ะเลอื กใชด้ า้ น
ที่แสดงถึงความเป็นคนไทยเต็มตัวในการติดต่อสื่อสารกับคนนอก แต่หากกรณีท่ีชาวไทยเชื้อสายมอญ
ดงั กล่าวต้องออกไปสือ่ สารกบั กลุ่มคนจากสงั คมท่ีมขี อบเขตกวา้ งออกไป เช่น เม่ือต้องการสอื่ สารกับคนที่
อยใู่ นกรงุ เทพมหานครหรอื คนจากจงั หวดั อน่ื อตั ลกั ษณด์ งั กลา่ วกจ็ ะเรม่ิ เคลอ่ื นไหวผนั แปรไป โดยจะเลอื ก
ใชอ้ ตั ลกั ษณท์ ก่ี วา้ งขนึ้ เพอ่ื นำ� มาใชใ้ นการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั คนกลมุ่ อนื่ ผา่ นการเรยี กชอื่ กลมุ่ ของตนเอง เชน่
การเรยี กตวั เองวา่ เปน็ “คนเมอื งนนทฯ์ ” (สำ� หรบั ชาวมอญเกาะเกรด็ ) เราเปน็ “คนกรงุ เทพฯ แถวพระราม
2” (สำ� หรบั ชาวมอญบางกระดี่) หรือเราเป็น “คนพระประแดง” (ส�ำหรับชาวมอญพระประแดง) เป็นตน้
ทงั้ นขี้ นึ้ อยกู่ บั บรบิ ทการสอ่ื สารทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะครงั้ นนั้ และหากถกู ซกั ถามวา่ เปน็ คนมอญหรอื ไม่
ชาวมอญส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ปดิ บงั ความเปน็ มอญของตัวเอง แตจ่ ะยอมรบั ด้วยความภาคภูมใิ จ

       (2) การประกอบสร้างอัตลักษณ์ชาวมอญ จะใช้กระบวนการสื่อสารด้วยการระบุชื่อ (identify)
กลุ่มของตัวเองในสองระดับ กล่าวคือ ในระดับที่หน่ึงจะเป็นการส่ือสารระหว่างคนมอญในพ้ืนท่ี (ชุมชน)
ด้วยกันเอง กับอีกระดับหนึ่งท่ีเป็นการส่ือสารระหว่างคนมอญจากชุมชนอ่ืน ส�ำหรับการสื่อสารระหว่าง
คนในชุมชนมอญพื้นที่ด้วยกันเองน้ัน ชาวมอญมักจะนิยมเรียกตัวเองตามช่ือหมู่บ้าน เช่น พวกเว่ขะราว
หรอื พวกทรงคนอง เปน็ ตน้ แตห่ ากเมอื่ ตอ้ งไปประชมุ พดู คยุ หรอื มปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั คนมอญดว้ ยกนั ทมี่ าจาก
ตา่ งถ่ิน ก็จะขยบั ขยายพนื้ ท่ใี นการเรียกตัวเองออกไปตามถิน่ ท่มี า เช่น พวกปากลดั (มอญพระประแดง)
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38