Page 38 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 38
15-28 การวางแผน การออกแบบและการผลติ สือ่ ชมุ ชน
เรื่องที่ 15.3.1
นิยามและความส�ำคัญของศักด์ิศรีและการสร้างศักด์ิศรีของชุมชน
บทเพลง สาวนาสัง่ แฟน ของราชนิ ีลกู ทุง่ พมุ่ พวง ดวงจันทร์ มีเนื้อร้องท่อนหนึง่ ว่า “หากพก่ี ลับ
มาซื้อผ้าตาๆ ฝากน้องบ้างเน้อ อย่าให้คอยเก้อนะพี่อยากมีเสื้อใหม่ อย่าพาหญิงงามกลับมาหยามนํ้าใจ
หากพามาไดแ้ ต่อย่าให้สวยเกิน” ความหมายทีซ่ ุกซ่อนอยใู่ นเน้อื เพลงท่อนน้ี ก็คือการอธิบายวา่ ส�ำหรบั
คนทอี่ ยูใ่ นชุมชนชนบทนัน้ พวกเขาและเธอไม่ปฏิเสธการยึดโยงความสมั พนั ธก์ บั วัฒนธรรมในสงั คมเมือง
แต่อย่างใด (แบบที่สาวนาก็อยากได้ผ้าตาๆ เป็นของฝากจากแฟน) เพียงแต่ว่าในการสร้างปฏิสัมพันธ์
ระหว่างชุมชนชนบทกับชุมชนเมืองน้ัน ปัญหาท่ีคนชนบทคับข้องใจมากกว่าก็คือ การที่ชุมชนเมืองก้าว
ลว่ งละเมิด “ศกั ดศิ์ รี” ของคนชนบทตา่ งหาก (อุปมากับการพาหญิงงามกลับมาหยามน้าํ ใจนน่ั เอง) ทง้ั นี้
กเ็ พราะว่า ตวั ช้ีวัดประการหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งของชมุ ชน ไม่วา่ จะเปน็ ชนบท เมอื ง หรอื ชมุ ชน
ใดๆ ก็คือ การรกั ษาและเสริมสรา้ งอ�ำนาจใหก้ ับ “ศกั ดศ์ิ รขี องชุมชน” เอาไวน้ ่นั เอง
ค�ำวา่ “ศักด์ิศรี/เกียรติภูมิ” (dignity) น้นั ไมใ่ ช่เรอ่ื งท่ีเกีย่ วข้องกบั ทรัพยส์ นิ เงินทอง การมีวัตถุ
รูปรา่ งหนา้ ตา หรอื ยศถาบรรดาศักด์ิ รวมทง้ั การประกอบอาชีพ ซึง่ หมายความว่า มนษุ ยท์ ุกคนไม่วา่ จะมี
รปู โฉมโนมพรรณอยา่ งไร ประกอบอาชพี อะไร รา่ํ รวยหรอื ยากไรเ้ พยี งใด แตม่ นษุ ยท์ กุ คนทกุ เพศทกุ ชนชน้ั
วรรณะ ต่างกม็ ี “ศักดศ์ิ รี/เกียรตภิ ูมิ” ดว้ ยกันทงั้ ส้นิ และในความหมายน้ี วัฒนธรรมทุกๆ อยา่ งในชมุ ชน
ต่างก็ตอ้ งด�ำรงอยดู่ ว้ ย “ศกั ดิ์ศรี/เกียรตภิ ูมิ” ตามนิยามนีเ้ ชน่ กนั
สำ� หรับ “ท่ีมาและท่ีไป” ของความรู้สึกว่ามี “ศักดศิ์ รี/เกียรตภิ ูม”ิ น้ัน “ทม่ี า” ของ “ศักดศ์ิ รี”
ของคนและชมุ ชนนนั้ ตอ้ งเรม่ิ มาจากการทรี่ จู้ กั ตนเองวา่ เราเปน็ ใคร และรคู้ ณุ คา่ และความหมายของตวั เอง
ลำ� ดบั ต่อจากน้นั กค็ อื การประเมินคุณค่าของตนเองว่า “เราพอใจในตัวเราที่เปน็ อยู่ เรามคี วามภาคภูมิใจ
ในสงิ่ ทเี่ รามอี ย”ู่ นนั้ อยา่ งไร สว่ น “ทไี่ ป” ของ “ศกั ดศ์ิ ร/ี เกยี รตภิ มู ”ิ นนั้ ความรสู้ กึ เชน่ นเ้ี ปน็ แหลง่ กำ� เนดิ
ของพลังหรืออ�ำนาจแห่งการปกป้องตนเอง พลังแห่งการรักษาตนเองให้มีสถานะ “เป็นมนุษย์คนหนึ่ง”
“เป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง” “เป็นวัฒนธรรมแบบหน่ึง” ฯลฯ ดังเช่นประโยคท่ีเรามักได้ยินอยู่เป็นประจ�ำว่า
“มศี ักดศ์ิ รีกต็ อ้ งปกปอ้ ง มเี กยี รตภิ ูมกิ ต็ อ้ งรกั ษา” และความรสู้ กึ เช่นนก้ี เ็ ปน็ ฐานรากของความมนั่ อกมน่ั ใจ
ในตนเอง ในกลุ่มของตน ในวัฒนธรรมของตน และในชมุ ชนของตน
ในหนงั สอื เรอ่ื ง ศกั ด์ศิ รแี หง่ ความเป็นคน ศกั ยภาพแห่งความสรา้ งสรรค์ นน้ั นายแพทย์ประเวศ
วะสี (2547) ได้อธิบายเอาไว้วา่ “ศกั ด์ศิ รีของความเป็นคนอยู่ท่ีคณุ ค่า ไมใ่ ชเ่ งนิ หรอื ความงามของรปู กาย
หรือยศ ความเป็นมนุษย์อยู่ที่คุณค่าซึ่งสูงกว่าเป็นร่างทางกามหรือวัตถุ มนุษย์ทุกคนควรสร้างจิตส�ำนึก
ของความเปน็ คน โดยเคารพความเปน็ คนของตนเอง และเคารพความเปน็ คนของผอู้ น่ื ในความเปน็ มนษุ ย์
ของทกุ คน มศี กั ยภาพอนั มหาศาลซอ่ นเรน้ อยู่ ศกั ดศิ์ รแี หง่ ความเปน็ คนและศกั ยภาพแหง่ ความสรา้ งสรรค์
คอื พลงั ขบั เคลอ่ื นอนั ยง่ิ ใหญ่ ทจี่ ะนำ� มนษุ ยชาตไิ ปสอู่ สิ รภาพ ความดี ความงาม ความสขุ มติ รภาพ ศานต-ิ
ภาพ และการพฒั นาอยา่ งย่ังยืน”