Page 43 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 43
การผลิตและการใชส้ อ่ื เพอื่ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชน 15-33
สญั ลกั ษณ”์ (symbolic world) จะคงอยไู่ ดต้ อ้ งมเี สาของ “โลกความเปน็ จรงิ ” คา้ํ ยนั เอาไว้ นน่ั หมายความ
วา่ หาก “โลกความเปน็ จรงิ ” เรม่ิ เปลยี่ นแปลงหรอื หดหายไป แนวโนม้ ทต่ี วั ตนและสอ่ื พนื้ บา้ นจะผนั เปลย่ี น
และสูญสลายไป ก็จะเกิดข้ึนเป็นเงาตามตัว เช่นเดียวกัน หากโลกของสื่อพื้นบ้านเกิดความเปล่ียนแปลง
ขึ้นมา กจ็ ะมีผลกระทบโดยตรงตอ่ โลกความเป็นจริงของสถานการณช์ มุ ชนท้องถิน่ ด้วยเช่นกนั เช่น กรณี
ของประเพณสี ขู่ วัญควาย ซ่งึ เดิมเกิดขนึ้ มาเพื่อให้สอดคล้องกบั วถิ ีชีวิตของการปลูกข้าวทำ� นาในอดีต ซึ่ง
ต้องใช้วัวและควายเป็นก�ำลังการผลิตในการไถนา ประเพณีสู่ขวัญควายจึงไม่เพียงแต่เป็นศักดิ์ศรีตัวตน
ของชุมชนชาวนาเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสื่อของความเช่ือ ความรักความผูกพัน ความสามัคคีในหมู่คณะ
ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ (ซ่ึงในกรณีน้ีก็คือวัวควายที่ชาวบ้านใช้ไถนา) และการผูกสัมพันธ์ระหว่าง
มนุษย์-ธรรมชาติ-ส่ิงศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเม่ือ “โลกความเป็นจริง” ของวิถี
การผลิตแบบท�ำนาปลูกข้าวได้เปล่ียนแปลงไปสู่แบบแผนการผลิตสมัยใหม่ การเลี้ยงควายเริ่มลด
บทบาทลง เพราะฉะนนั้ เมอ่ื ไมม่ ี “โลกความเปน็ จรงิ ” เปน็ เสาคา้ํ ยนั อยู่ พธิ กี รรมสขู่ วญั ควายซงึ่ เปน็ “โลก
ของสัญญะ” ก็มีแนวโน้มจะสูญหายตกไปตามกัน และในทางกลับกัน เมื่อสื่อประเพณีขวัญควายค่อยๆ
หายไป ความสัมพันธ์ทางสังคมของชาวบ้านก็เริ่มเปล่ียน มีปัญหาการทะเลาะวิวาทกัน เยาวชนรุ่นใหม่
ขาดซึ่งความกตัญญูรู้คุณและไม่เช่ือฟังผู้ใหญ่ เกิดปัญหายาเสพติดและปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย และ
ตัวตนศักด์ศิ รขี องชุมชนชาวนาที่เคยเขม้ แขง็ ก็เริ่มเจอื จางลง
5. การร้ือถอน “องค์ประกอบการส่ือสาร” บางอย่างออกไป เฉกเช่นเดียวกับการสื่อสารชนิด
อื่นๆ การสื่อสารของส่ือพ้ืนบ้านจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีองค์ประกอบครบถ้วนเป็นสูตร S-M-C-R หรือ
ครบทง้ั ผสู้ ่งสาร (sender) สาร (message) ช่องทางการสอื่ สาร (channel) และผ้รู บั สาร (receiver) แต่
อยา่ งไรกต็ าม ในปจั จุบัน สถานการณ์ของส่ือพ้ืนบา้ นหลายๆ ชนิดเรม่ิ เปลีย่ นแปลงไป เม่ือองคป์ ระกอบ
บางอย่างเร่ิมหดหายหรือถูกรื้อถอนออกไปจากกระบวนการส่ือสาร โดยในกรณีน้ี กาญจนา แก้วเทพ
(2548) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ท่ามกลางองค์ประกอบท้ังส่ีของการส่ือสารนั้น องค์ประกอบที่ดูจะหดตัวมาก
ท่ีสุดในสภาพการณ์ของสื่อพื้นบ้านทุกวันน้ีก็คือ ผู้รับสาร เนื่องจากกลุ่มผู้ชมหรือกลุ่มผู้รับสารของสื่อ
พ้ืนบา้ นมกั จะมีอายุ 30-40 ปขี ้นึ ไป ในขณะที่กล่มุ เยาวชนหนุ่มสาวหรอื วัยร่นุ จะมีอย่นู ้อยมาก และแม้จะ
มีคนกลุ่มน้ีอยู่ แต่ก็มักเข้าไม่ถึงหรือไม่เข้าใจส่ือพื้นบ้านจริงๆ อันเป็นการตีตราให้ส่ือพื้นบ้านมีแนวโน้ม
กลายเปน็ “ส่อื ของ/โดย/เพอื่ ผู้อาวุโส” มากกวา่ จะเปน็ “สมบัตริ ว่ มกันของทกุ คนในชมุ ชน” อย่างแท้จริง
จากการวิเคราะห์เหตุปัจจัยในการถดถอยของศักดิ์ศรีสื่อพ้ืนบ้านดังกล่าว สมสุขได้สรุปให้เห็น
แนวทางหรือกลยุทธ์ท่ีโครงการ สพส. ผลิตและใช้การส่ือสารเพื่อสร้างเสริมและธ�ำรงรักษาศักด์ิศรีคุณค่า
ของสอ่ื พ้นื บ้านเอาไว้รวม 10 แนวทางด้วยกนั ดงั นี้
1. กลยุทธ์การร้ือสร้างความหมายใหม่ ในขณะที่ส่ือพื้นบ้านถูกสังคมตีความหมายเสียใหม่
(redefined) ว่า เปน็ “สอ่ื ของคนโบร่าํ โบราณ” หรอื “พ้นยุคพ้นสมัย” ไปแล้ว แต่โดยแนวคดิ เกีย่ วกับ
“ความหมาย” (meaning) นน้ั อธิบายได้วา่ ความหมายไมไ่ ดด้ ำ� รงอย่อู ยา่ งนิง่ ๆ แต่หากเป็นส่ิงท่มี นุษย์
หรอื สงั คมประกอบสรา้ ง (construct) ขึ้นมา และหากความหมายถกู สรา้ งข้ึนมาได้ ก็สามารถถูกร้ือถอน
(deconstruct) และสรา้ งข้นึ มาใหม่ (reconstruct) ได้เช่นกัน เพราะฉะน้นั ในขณะท่คี วามหมายยคุ หน่งึ
ของ “ผ”ี ถกู ตคี วามวา่ งมงาย ไรส้ าระ และนา่ กลัว แตเ่ มื่อโครงการ สพส. ได้ลงสนามไปทำ� งานร่วมกบั