Page 45 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 45

การผลติ และการใช้ส่ือเพ่ือสร้างความเข้มแข็งของชมุ ชน 15-35
ของวฒั นธรรมชมุ ชนไมใ่ หส้ ญู หายไปกบั อตุ สาหกรรมทอ่ งเทย่ี ว แตใ่ นการใชว้ ธิ กี ารนี้ ชาวบา้ นกต็ อ้ งอาศยั
ตน้ ทนุ ทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทงั้ การลงแรงงาน งบประมาณคา่ ใชจ้ า่ ย หรอื วางหนา้ ตกั ตา่ งๆ เพอื่ จดั กจิ กรรมถงึ สองครงั้
ในแต่ละปี

       4. 	กลยุทธ์การขยาย/พลิกบทบาทหน้าที่ เมื่อเปรียบเทียบกับส่ือมวลชนแล้ว ส่ือพ้ืนบ้านจะมี
บทบาทหน้าทหี่ ลากหลายดา้ นกวา่ ทง้ั ในระดับบุคคล ระดับกลมุ่ และระดบั ชุมชนหมบู่ ้าน แตอ่ ยา่ งไรก็ดี
ปัจจุบันนี้บทบาทหน้าท่ีหลากหลายดังกล่าว ก็มีแนวโน้มจะถูกลบเหลี่ยมให้เหลือเพียงไม่กี่แง่มุมเท่าน้ัน
เช่น สอื่ การแสดงพืน้ บา้ น (อาทิ โนรา หมอล�ำ ลเิ ก ค่าวซอ) ซ่งึ เดิมมีบทบาทหนา้ ที่หลายแง่มมุ แต่ทกุ
วันน้ีเหลือเพยี งหน้าท่ีดา้ นความบนั เทิงแต่เพยี งอย่างเดยี ว เพราะฉะน้นั กลยทุ ธ์ทจ่ี ะพลิกฟ้ืนศกั ด์ิศรขี อง
ส่ือพื้นบ้านกลับคืน ก็อาจจะใช้กระบวนการฟื้นฟูและพลิกเหล่ียมมุมหน้าที่บางอย่างที่เคยแฝงเร้นไว้ ให้
กลายเปน็ บทบาทหนา้ ทท่ี ส่ี อ่ื พนื้ บา้ นนน้ั ๆ สามารถใชส้ รา้ งสรรคแ์ ละเสรมิ สรา้ งศกั ดศิ์ รขี องบคุ คลและชมุ ชน
ท้องถ่ิน เช่น กรณีของโครงการท่ี สพส. และภาคีศิลปินโนรากลุ่มหนึ่ง ที่เลือกขยายบทบาทหน้าท่ีของ
ศิลปะการแสดงโนราท่ีมักถูกใช้เพื่อสร้างความบันเทิงเป็นหลัก มาสู่การฝึกฝนให้เยาวชนในชุมชนได้
ร้อยลูกปัดอันเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของชุดการแสดงโนรา ท้ังนี้เพื่อใช้สื่อกิจกรรมการฝึกร้อยลูกปัด
โนราเปน็ ชอ่ งทางทจี่ ะรอ้ ยจติ วญิ ญาณความเชอ่ื ตายายโนราใหก้ บั เดก็ เชอื่ มรอ้ ยสายใยความสมั พนั ธค์ รกู บั
ลูกศิษย์ ร้อยอารมณ์/ความรู้สึก/สมาธิ/สุนทรียะ ร้อยความช่วยเหลือเก้ือกูลกันในกลุ่มผู้หญิงของชุมชน
ไปจนถงึ การนำ� ไปฝกึ สอนในสถานพนิ จิ เพอ่ื ใหล้ กู ปดั โนราเปน็ ชอ่ งทางการสอ่ื สารเพอื่ เยยี วยาและซอ่ มแซม
จิตใจที่สูญสลายของเยาวชนที่อยู่ในสถานพินิจ และแปลงบาดแผลเจ็บปวดของเด็กๆ ในทัณฑสถานให้
กลายเปน็ สนุ ทรยี ะและความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์

       5. 	กลยุทธ์การเสริมความรู้/ทักษะ/ช่องทางการสื่อสาร ปัญหาส�ำคัญอีกข้อหน่ึงของสื่อพื้นบ้าน
ทุกวันนี้ก็คือ แม้ว่าผู้ส่งสารจะยังด�ำรงอยู่ และแม้ตัวสื่อพ้ืนบ้านเองก็มีปริมาณผู้รับสารที่ชื่นชอบอยู่ด้วย
เช่นกัน แต่ทว่า ช่องทาง (channel) ที่จะเช่ือมต่อระหว่างคนสองกลุ่มนี้ก็เร่ิมถูกลิดรอนและหดตัวลง
ดังน้ัน เม่ือช่องทางขาดหาย วาระโอกาสที่จะเกิดการส่ือสารระหว่างคนสองกลุ่มนี้ก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน
เช่น กรณีของศิลปะงานแทงหยวกท่ีสมัยก่อนจะท�ำข้ึนเพ่ือใช้ประดับเชิงตะกอนเผาศพ แต่เม่ือปัจจุบันนี้
ผู้คนเลิกเผาศพด้วยเชิงตะกอน แต่ใช้เมรุเผาศพแทน ศิลปะของการแทงหยวกก็ค่อยๆ ลดบทบาทลงไป
ดังน้ัน การท�ำงานกับสื่อพื้นบ้านกลุ่มนี้จึงต้องอาศัยกลยุทธ์การเสริมหรือขยายช่องทางการสื่อสารให้มาก
ไปกว่าวาระโอกาสแบบเดิมๆ ท่ีเคยมีมา อาทิ ขยายพ้ืนท่ีใช้งานแทงหยวกจากงานศพไปสู่การประดับ
ตกแตง่ ตามอาคารสถานท่ี ท�ำเปน็ โคมประทปี ในงานบุญและงานเทศกาลต่างๆ เปน็ ตน้ ในขณะเดียวกัน
นอกเหนือจากการขยายช่องทางการสื่อสารแล้ว กลยุทธ์ท่ีควรใช้ควบคู่กันก็คือ การส่ือสารเพื่อเสริม
ความรู้/ทักษะการสื่อสารของศิลปินออกไป เช่น การฝึกอบรมความรู้และแนวคิดเชิงทฤษฎีเก่ียวกับส่ือ
พ้ืนบ้านให้กับศิลปินผู้ส่งสาร เพ่ือให้คนกลุ่มน้ีสามารถปรับตัวและเท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ท่ี
อาจจะมีผลกระทบต่อ “สทิ ธิเจ้าของวฒั นธรรม” ได้

       6. 	กลยุทธ์การขยายศักยภาพการสื่อสาร แม้ส่ือพื้นบ้านในอดีตจะเป็นพ้ืนท่ีที่เปิดโอกาสให้ทุก
คนในชุมชนมีส่วนร่วมเขา้ มาเปน็ “เจา้ ของวัฒนธรรม” ในชุมชนของตน เช่น สอ่ื การแสดงพ้ืนบา้ นก็ไมใ่ ช่
พ้ืนที่ของศิลปินพื้นบ้านท่ีจะร่วมส่ือสารเท่าน้ัน หากแต่ยังมีบรรดาผู้ชม/พ่อยกแม่ยกศิลปิน มีกลุ่ม
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50