Page 44 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 44
15-34 การวางแผน การออกแบบและการผลิตส่อื ชุมชน
ชาวชุมชนวอแก้ว จังหวัดล�ำปาง เพ่ือร้ือฟื้นประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า อันเป็นความเช่ือด้ังเดิมของชาวล้านนา
เรื่องผบี รรพบรุ ุษที่เชือ่ มความสมั พนั ธข์ องคนในชมุ ชน ผปี ยู่ า่ ที่เคยถูกนิยามว่าพ้นยคุ พน้ สมยั หรือพสิ จู น์
ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ ก็เปลี่ยนความหมายกลับคืนมาเป็นระบบกฎหมายของเครือญาติ สื่อสาร
เชื่อมสัมพนั ธร์ ะหวา่ งคนตา่ งวยั เปน็ ตัวแทนศกั ดิศ์ รีลูกผหู้ ญิง เปน็ สายสมั พันธ์ในหมพู่ ี่นอ้ ง เปน็ ทพ่ี ึง่ ทาง
ใจ และเป็นการชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู กันในท้องถิ่น จนนำ� ไปสูก่ ารสรา้ งกองทุนผีปู่ย่าในฐานะกองทุนสวสั ดิการ
ทผี่ สู้ งู อายใุ ชช้ ่วยเหลอื ดา้ นการศกึ ษาของลกู หลาน
2. กลยุทธ์การเสริม “ราก” แห่งคุณค่า ดังที่กล่าวมาแล้วว่า โครงสร้างองค์ประกอบของส่ือ
พน้ื บา้ นไมไ่ ดม้ เี ฉพาะสว่ นทม่ี องเหน็ เปน็ ประหนง่ึ “ลำ� ตน้ ดอกใบผล” เทา่ นนั้ หากแตย่ งั มสี ว่ นทเี่ ปน็ คณุ คา่
ความหมายหรือเน้ือหาที่เปรียบประดุจ “ราก” ท่ีค้ําจุนและหล่อเลี้ยง “ต้นไม้ของสื่อพ้ืนบ้าน” เอาไว้
ดังน้ัน หากกระบวนการท�ำลายศักด์ิศรีของสื่อพ้ืนบ้านที่ผ่านมา อยู่ที่การจัดการลิดรอนถอนรากของสื่อ
พน้ื บา้ นออกไปทลี ะเลก็ ละนอ้ ย การทจ่ี ะกศู้ กั ดศ์ิ รกี ลบั คนื มาได้ กลยทุ ธก์ ารสอ่ื สารจงึ ตอ้ งเนน้ การเสรมิ ราก
และใส่ปุ๋ยบ�ำรุงให้ “ต้นไม้ของส่ือพ้ืนบ้าน” แข็งแรง เช่น กรณีของการสานหมวกจีนปีกกว้างท่ีเรียกว่า
“หมวกกุยโล้ย” ของชาวชุมชนวังตะกู จังหวัดนครปฐมน้ัน เดิมอาจจะมีคุณค่าเพียงแค่การฝึกฝนสมาธิ
ของผสู้ านหมวก หรอื ใชเ้ ปน็ กศุ โลบายใหผ้ ใู้ หญไ่ ดอ้ บรมจรยิ ธรรมกบั ลกู หลานทมี่ าสานหมวกรว่ มกนั กบั ตน
แต่เมื่อสถานการณ์ของชุมชนเปลี่ยน ผู้คนใช้หมวกกุยโล้ยน้อยลง เพราะมีวัสดุอ่ืนทดแทนการใช้หมวก
ไมไ้ ผ่ ประกอบกบั อาชพี เกษตรกรรมกเ็ รมิ่ หายไปจากชมุ ชน ชาวบา้ นกไ็ ดข้ ยายบทบาทของหมวกไมไ้ ผใ่ ห้
กลายเปน็ ช่องทางการส่ือสารเพื่อบ่มเพาะจินตนาการความคดิ สรา้ งสรรคข์ องเยาวชน ใชเ้ ป็นส่อื พทุ ธบูชา
น�ำไปถวายวัดในวันส�ำคัญทางศาสนา และใชส้ ื่อสารอัตลกั ษณศ์ กั ดิ์ศรขี องชาติพันธไ์ุ ทยจีนของชาวชุมชน
ให้โดดเด่นขึ้น กลยุทธ์การเสริม “ราก” ดังกล่าว ไม่เพียงแต่รักษาส่ือวัตถุอย่างหมวกกุยโล้ยให้ด�ำรงอยู่
ต่อไป แตย่ ังเปน็ การเสรมิ สร้างศักดิศ์ รใี ห้ชาวบ้านม่นั อกมัน่ ใจในวัฒนธรรมท้องถ่นิ ดงั้ เดิมของตนอีกด้วย
3. กลยุทธ์การส่ือสารเพ่ือต่อรองอ�ำนาจ นอกเหนือจากกระบวนการท�ำงานเพ่ือเสริม “ราก”
ให้กับสื่อพื้นบ้านตามท่ีกล่าวมาแล้ว ท่ามกลางกระบวนการท�ำลายศักดิ์ศรีด้วยการถอด “แก่น” หรือ
“คณุ คา่ /ความหมาย” ของสอื่ พน้ื บา้ นออกไป ชาวบา้ นบางกลมุ่ ไดเ้ ลอื กกลยทุ ธก์ ารสอ่ื สารเพอื่ ตอ่ รองอำ� นาจ
(negotiation of power) หรอื “พบกนั ครงึ่ ทาง” ระหวา่ งอำ� นาจของสงั คมภายนอก (คนนอก) กบั ชมุ ชน
ทอ้ งถนิ่ (คนใน) เชน่ กรณขี องประเพณบี ญุ ผะเหวด (หรอื เทศนม์ หาชาตขิ องชาวอสี าน) ซงึ่ เปน็ การจดั ให้
มีการฟังเทศน์มหาชาติให้ครบ 13 กัณฑ์ให้จบภายในวันเดียว โดยมีแก่นหรือคุณค่าแท้จริงของประเพณี
อยทู่ กี่ ารเปน็ กศุ โลบายทดสอบความสมคั รสมานสามคั คเี ขม้ แขง็ ของชมุ ชน เนอื่ งจากการจดั เทศนม์ หาชาติ
ให้มคี รบ 13 กณั ฑ์ในหน่ึงวนั ได้ ต้องอาศัยพลังระดมแรงกายแรงใจช่วยเหลอื เกื้อกลู กันของชาวบ้านจรงิ ๆ
แต่ทุกวันนี้เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและหน่วยงานภาครัฐได้ส่งเสริมให้มีการจัดประกวดเทศน์มหาชาติ
(เชน่ ในจงั หวดั อบุ ลราชธานี ทางภาครฐั ขอใหช้ มุ ชนจดั ประกวดในลกั ษณะ “หนง่ึ กณั ฑห์ นงึ่ ตำ� บล”) ทำ� ให้
กุศโลบายการสร้างความเข้มแข็งชุมชนผิดเพ้ียนไป และมีการล่วงละเมิด “หลักสิทธิเจ้าของวัฒนธรรม”
โดย “คนนอก” ดังนั้น ชาวบ้านบางกลุ่มจึงเลือกใช้การส่ือสารเพ่ือต่อรอง โดยด้านหน่ึงก็จัดงานบุญ
ผะเหวดแบบ “หน่ึงกัณฑ์หนึ่งต�ำบล” เพ่ือรักษาสายสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานของรัฐเอาไว้ แต่อีกด้าน
หนึ่ง ชาวบ้านก็จัดกจิ กรรมบญุ ผะเหวดของชมุ ชนข้ึนมาอีกวาระหนงึ่ เพอื่ รักษาคุณคา่ ความหมายดง้ั เดมิ