Page 19 - ไทยศึกษา
P. 19
เทคโนโลยีไทย ๑๓-9
๑. ความส�ำคัญของเทคโนโลยี
เทคโนโลยีอยู่คู่เคียงมากับมนุษย์ต้ังแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์อาศัยการเรียนรู้สภาพ
ธรรมชาติแวดล้อมแล้วน�ำมาปรับประยุกต์ทั้งวิธีการและการสร้างเคร่ืองมือเครื่องใช้ เมื่อมนุษย์พัฒนา
ความรู้มากข้นึ ก็สามารถปรบั เปล่ยี นการใช้งานเทคโนโลยีให้ก้าวหนา้ ตามไปดว้ ย
มนษุ ยใ์ นยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรด์ ำ� รงชวี ติ ดว้ ยการพง่ึ พาธรรมชาติ แตก่ ม็ ขี อ้ จำ� กดั หลายประการท่ี
ทำ� ใหม้ นษุ ยต์ อ้ งตอ่ สดู้ น้ิ รนเพอื่ ใหอ้ ยรู่ อดได้ สงิ่ เหลา่ นเี้ ปน็ แรงกระตนุ้ ใหม้ นษุ ยเ์ กดิ การเรยี นรแู้ ละสรา้ งสรรค์
เทคโนโลยี เบอ้ื งตน้ ดว้ ยการศกึ ษาสภาพธรรมชาตจิ ากการสงั เกตหรอื คน้ พบโดยบงั เอญิ เปน็ ตน้ วา่ พบเหน็
การเสียดสีกันของวัตถุท�ำให้ลุกเป็นไฟ จึงเป็นความรู้น�ำมาสู่การใช้ก้อนหินหรือก่ิงไม้จุดไฟด้วยตนเอง
จากนั้นเรียนรู้ต่อมาถึงการใช้ประโยชน์จากไฟ ต้ังแต่ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายและศัตรู ใช้เป็นแสงสว่าง
และพลังงานความร้อน รู้จักใช้ไฟท�ำอาหาร รู้จักการท�ำภาชนะดินเผาใช้หุงต้ม จากนั้นจึงเรียนรู้ว่า
ความรอ้ นในอณุ หภมู ทิ ส่ี งู สามารถหลอมเหลวโลหะ เชน่ ทองแดง สำ� รดิ เหลก็ ทำ� เปน็ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชไ้ ด้
มากมาย
ต่อมามนุษย์ได้น�ำความรู้ทางธรรมชาติวิทยาจากการเรียนรู้สภาพธรรมชาติมาคิดค้นเป็น
เทคโนโลยเี พอ่ื ดดั แปลงธรรมชาติ เชน่ การเพาะปลกู การชลประทาน การกอ่ สรา้ ง เมอ่ื ความรกู้ า้ วหนา้ ขน้ึ
จนถึงระดับวิทยาศาสตร์ก่อให้เกิดเทคโนโลยีท่ีก้าวหน้า เช่น การประดิษฐ์เคร่ืองจักรในการเกษตร การ
กอ่ สร้างเข่ือนขนาดใหญ่ การใช้เทคโนโลยที ันสมัยในการก่อสร้างอาคารสูง เปน็ ต้น
จะเหน็ ไดว้ า่ เรอื่ งของเทคโนโลยี เรมิ่ จากการเรยี นรหู้ ลกั การนำ� ไปสกู่ ารใชง้ าน แลว้ ประดษิ ฐค์ ดิ คน้
จนสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ เมื่อผ่านการใช้งาน ก็มีการเรียนรู้แก้ไขข้อบกพร่อง จนน�ำไปสู่การพัฒนา
สิง่ ประดษิ ฐท์ กี่ ้าวหน้าขนึ้
อนึ่ง ความสามารถในการน�ำความรู้ด้านเทคโนโลยีมาใช้ได้ก่อให้เกิดผลงานทั้งในส่วนที่เป็นสิ่ง
ประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ได้แก่ เครือ่ งมอื เครือ่ งใช้ เคร่ืองจักร และสว่ นทีเ่ ปน็ กระบวนการหรอื วธิ กี าร เชน่ ความรู้
ในการใช้เคร่ืองมือ เครื่องจักรกล ในสังคมที่สามารถพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้าขึ้นน้ัน
เทคโนโลยีก็มีการปรบั ปรุงจนเขา้ ส่รู ะดับสูงและมคี วามสลบั ซบั ซ้อนมากข้นึ ดว้ ยเชน่ กนั
