Page 17 - ไทยศึกษา
P. 17
สงั คมไทย ๕-7
แต่จากสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
อิสริยยศของเจ้านายจะอยู่ในรูปของ การทรงกรม เป็น กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง เป็นต้น อิสริยยศ
สงู สดุ ของพวกเจา้ นาย คอื อสิ รยิ ยศของพระมหาอปุ ราช เมอื่ ถงึ สมยั ทมี่ กี ารทรงกรมใชช้ อื่ วา่ กรมพระราชวงั
บวรสถานมงคล
๓. ขุนนาง เปน็ คนอกี กลมุ่ หนง่ึ ในสงั คมจารตี ของไทยทม่ี ที ง้ั อ�ำนาจ อภิสิทธิ์ และเกียรติยศ เปน็
ชนส่วนน้อยในสังคมที่มีโอกาสเข้ารับราชการ ได้ใกล้ชิดศูนย์อ�ำนาจทางการเมือง มีส่วนร่วมในการช่วย
พระมหากษัตริย์ปกครองอาณาจักร หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือ เป็นตัวจักรกลในการบริหารงานราชการ
ต่างๆ พวกขุนนางจึงมีอ�ำนาจและบทบาทในทางการเมือง ในทางสังคมพวกขุนนางอยู่ในฐานะชนชั้นสูง
ได้รับการยกย่องและมีข้าทาสบริวารแวดล้อม ส่วนในทางเศรษฐกิจนั้นพวกขุนนางได้ประโยชน์จาก
พวกไพร่ที่อยู่ในความควบคุม ในการเพ่ิมพูนโภคทรัพย์ท้ังทางด้านการเกษตรและการค้ากับต่างประเทศ
พวกขนุ นางจึงมีฐานะม่ังคั่ง
ภาพท่ี ๕.๑ ขนุ นางไทยสมยั อยธุ ยา ในจดหมายเหตุลาลแู บร์
ท่ีมา: http://historytactic.blogspot.com/2015/08/blog-post_27.html สืบคน้ เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๑.
แม้ว่าต�ำแหน่งของขุนนางไทยจะไม่มีการสืบสกุล เป็นเพียงต�ำแหน่งเฉพาะตัว เมื่อคนท่ีด�ำรง
ต�ำแหน่งเดิมส้ินชีวิตลง ก็จะมีคนใหม่มาด�ำรงต�ำแหน่งแทน น่ีเป็นเพียงทฤษฎี ในทางปฏิบัติแล้ว พวก
ขุนนางเป็นคนส่วนน้อยในสังคมท่ีมักวนเวียนกันอยู่ในกลุ่มของตนเอง กล่าวคือ ใครที่เกิดมาในตระกูล
ขนุ นาง กจ็ ะรบั ราชการเหมอื นกบั บรรพบรุ ษุ ไมค่ อ่ ยมชี นชน้ั อน่ื เชน่ พวกไพรเ่ ขา้ มาเปน็ ขนุ นาง เนอื่ งจาก
ไม่มีโอกาสท่ีจะถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ซ่ึงเป็นช่องทางที่จะท�ำให้ได้เป็นขุนนาง โดยไต่เต้าจากขุนนาง