Page 45 - ไทยศึกษา
P. 45

สงั คมไทย ๕-35
และอื่นๆ) จากความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ รวมทั้งความสัมพันธ์
เครือญาติจากพ้ืนฐานวัฒนธรรมไทยในสมัยสังคมจารีต เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ในสังคม
สมัยใหม่น้ันเป็นความสัมพันธ์ท่ี ไม่เป็นทางการ เน้นหนักที่การแลกเปล่ียนผลประโยชน์ตามสภาพของ
ทนุ นยิ ม-บรโิ ภคนยิ ม มคี วามรสู้ กึ เชงิ วตั ถสุ งู กวา่ เชงิ จติ ใจ ในขณะทสี่ มยั สงั คมจารตี นนั้ เชงิ จติ ใจสงู กวา่ เชงิ
วัตถุ ความสัมพันธ์ด�ำรงยาวนานขณะที่ในปัจจุบันจะสั้นแปรเปล่ียนไปตามฐานผลประโยชน์ ส่ิงเหล่าน้ี
สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ใหม่ ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์จึงยัง
ยืนยงแฝงเรน้ อยอู่ ย่างมีพลวัตในกระแสธารแหง่ ความเปล่ยี นแปลงทางสงั คม

       การยกเลิกระบบไพร่สะท้อนให้เห็นว่าระบบใดๆ ก็ตามที่มุนษย์จัดตั้งขึ้นย่อมมีประโยชน์มีความ
เหมาะสมในสภาพการณ์หนง่ึ เมอื่ สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมเปลยี่ นแปลงไป ระบบนน้ั ๆ ย่อมจะต้องปรับ
ตวั เพือ่ ให้สอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมใหม่ อาจจะมกี ารเปล่ยี นแปลงบางอยา่ งในระบบหรือในทส่ี ดุ อาจจะ
ยกเลกิ ระบบไปเลย ระบบไพรเ่ คยเปน็ กลไกสำ� คญั ทเ่ี สรมิ สรา้ งอำ� นาจทางการเมอื ง ความมง่ั คง่ั ทางเศรษฐกจิ
และความเปน็ ปกึ แผน่ มนั่ คงแกอ่ าณาจกั รอยธุ ยาและอาณาจกั รรตั นโกสนิ ทรส์ มยั จารตี แตใ่ นสมยั รชั กาลที่
๕ กลับกลายเป็นอปุ สรรคต่อการปกครองบา้ นเมือง กอ่ ให้เกดิ ผลเสียตอ่ บา้ นเมอื งโดยส่วนรวม จนยากที่
จะแกไ้ ขหรอื ปรบั ปรงุ ระบบอกี ตอ่ ไป จงึ ตอ้ งถกู ยกเลกิ ไปในตอนปลายรชั กาลท่ี ๕ และถกู แทนทดี่ ว้ ยระบบ
ใหมท่ ่ีเหมาะสมกว่า

       อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ระบบไพรจ่ ะถกู ยกเลกิ ไปแลว้ แตก่ ารทรี่ ะบบนเี้ คยเปน็ รากฐานของการเมอื ง
เศรษฐกิจ และสังคมไทยมาเปน็ เวลานานหลายร้อยปี จึงท�ำใหค้ ุณลักษณะส�ำคัญของระบบไพรเ่ รื่องความ
สัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ยังมีอิทธิพลแฝงเร้นอยู่ในสังคมไทยสมัยใหม่ นอกจากน้ันการต้ังเจ้าทรงกรมหรือ
การต้ังกรมเจ้ายังคงถือปฏิบัติอยู่ แม้ว่าระบบไพร่จะถูกยกเลิกไป ไม่มีการควบคุมไพร่แล้วก็ตาม ถือว่า
เป็นการพระราชทานอสิ ริยยศแก่เจา้ นายผใู้ หญ่

       มีนกั วิชาการตง้ั ขอ้ สังเกตว่า ระบบไพร่ซึ่งเปน็ พนื้ ฐานสำ� คัญของสังคมไทยสมยั จารีตทั้งทางด้าน
การเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมนนั้ เปน็ สาเหตปุ ระการหนงึ่ ทท่ี ำ� ใหก้ ารปกครองแบบประชาธปิ ไตยของไทย
ไมพ่ ัฒนาไปส่คู วามส�ำเร็จ เป็นไดแ้ คท่ ฤษฎแี ละรูปแบบ แตเ่ ปน็ คณาธปิ ไตยในทางปฏิบตั ิ ทีด่ ที ีส่ ุดกเ็ พียง
แคป่ ระชาธิปไตยคร่ึงใบ เพราะประชาชนเคยชนิ กับวัฒนธรรมทางการเมอื งแบบไพร่ฟ้า (subject politi-
cal culture) ท่ตี กทอดมาจากระบบไพร่ สว่ นข้าราชการก็ยังได้รับมรดกทัศนคตคิ วามเปน็ เจ้าขนุ มลู นาย
มักคิดว่า ตนคือนายของประชาชนมากกว่าผู้รับใช้ประชาชน จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างข้าราชการกับ
ประชาชนอยูเ่ สมอ เปน็ อปุ สรรคตอ่ การก้าวเขา้ ส่คู วามเป็นประชาธปิ ไตย

       ใน พ.ศ. ๒๕๔๐ สังคมไทยได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหวังกันว่าจะเป็นพื้นฐานในการปฏิรูป
การเมอื งการปกครองไทยไปสคู่ วามเปน็ ประชาธปิ ไตยทเี่ ปน็ ธรรมรฐั (good governance) มกี ารปกครอง
บริหารจัดการท่ีดี เพ่ือประโยชน์สุขของทุกๆ กลุ่มคนในสังคม อิทธิพลของระบบไพร่เรื่องความสัมพันธ์
แบบอุปถัมภ์และความเป็นเจ้าขุนมูลนายจะได้เจือจางหมดสิ้นไป การปฏิรูปการเมืองการปกครองท่ีได้
เริ่มต้นด�ำเนินการแล้วตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจะต้องใช้เวลาต่อไปอีกช่วงหนึ่งนั้นจะได้รับผลสัมฤทธิ์
เช่นใด เป็นอนาคตทส่ี ังคมไทยรอคอยคำ� ตอบ และจะต้องศกึ ษาติดตามกันตอ่ ไป
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50