Page 44 - ไทยศึกษา
P. 44

๕-34 ไทยศกึ ษา
ชนชนั้ ตา่ งๆ ในสงั คม การยกเลกิ ระบบไพรจ่ งึ มผี ลทก่ี วา้ งขวางยงิ่ แตใ่ นหวั ขอ้ นจ้ี ะกลา่ วอยา่ งสงั เขปเฉพาะ
ในด้านสงั คมเทา่ น้ัน

       ความไรป้ ระสทิ ธภิ าพของระบบไพรท่ เ่ี ปน็ อยู่ ทำ� ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง
ตระหนกั ดวี า่ การจดั ระเบยี บสงั คมตามแบบเกา่ ไมอ่ าจจะดำ� รงอยตู่ อ่ ไปไดอ้ กี แลว้ จำ� เปน็ ตอ้ งยกเลกิ และจดั
ระเบยี บสงั คมการปกครองใหมต่ ามแบบตะวนั ตก เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพสงั คมทไ่ี ดเ้ ปลย่ี นแปลงไปจาก
เดมิ มาก การยกเลกิ ระบบไพรไ่ ดใ้ ชว้ ธิ กี ารหลายอยา่ งและคอ่ ยๆ ดำ� เนนิ การเปลยี่ นแปลงไปชา้ ๆ จนสามารถ
เลกิ ระบบนไ้ี ด้ วธิ ีการทใ่ี ช้มอี าทิ การดงึ ไพร่สมของมูลนายมาเป็นไพร่หลวง การเร่งรวบรวมเงนิ ส่วยหรือ
เงินค่าราชการที่ค้างอยู่ตามกรมกองต่างๆ การรวบรวมไพร่หลวง การใช้แรงงานจ้างชาวจีน การจัดการ
ทหารตามแบบตะวันตก และการจัดท�ำส�ำมะโนครัวแทนการสักไพร่ ด้วยวิธีการเหล่าน้ี ระบบไพร่ค่อยๆ
ถูกลดบทบาทและถูกยกเลิกไปในที่สุดเมื่อมีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ.
๑๒๔ (พ.ศ. ๒๔๔๘)

       ในระเบียบสังคมและการปกครองแบบใหม่ท่ีจัดตั้งขึ้น บทบาทของระบบไพร่ในด้านการเป็นกอง
กำ� ลงั ในยามศกึ สงคราม ถกู แทนดว้ ยกองทหารอาชพี และการเกณฑท์ หาร การบรหิ ารราชการทเ่ี คยมพี นื้ ฐาน
อยู่บนระบบไพรไ่ ดเ้ ปล่ยี นมาอยู่ที่ระบบกระทรวง ทบวง กรม และมณฑลเทศาภบิ าล ทะเบยี นไพรพ่ ลถกู
แทนทด่ี ว้ ยการจัดท�ำสำ� มะโนครัวตามท้องท่ี ส่วนสถานะทางสังคมท่ีเปน็ ไพรน่ ้ันเปล่ียนมาเป็นเสรีชนหรือ
ประชาชนในสงั คมสมยั ใหม่ ในดา้ นโครงสรา้ งชนชนั้ กอ่ เกดิ ชนชน้ั กลางทเี่ ปน็ ผลมาจากการปฏริ ปู บา้ นเมอื ง
ให้ทันสมัยในทุกๆ ด้าน กลุ่มคนในสังคมจึงแบ่งเป็นชนชั้นสูง ชนช้ันกลาง และชนช้ันล่าง มิได้อยู่ในรูป
ของเจ้านาย ขุนนาง ไพร่ ทาส หรือมลู นาย - ไพร่ ตามแบบสังคมเดมิ ในสมัยจารีต

       อน่ึง เรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานะจากไพร่มาเป็นประชาชนที่มีเสรีนั้น นักวิชาการด้าน
เศรษฐศาสตร์การเมอื งมีความเหน็ วา่ แม้สถานะทางสงั คมของพวกไพร่จะเปล่ียนแปลงมาเปน็ สามัญชนที่
มีเสรภี าพแห่งตนแล้วกต็ าม แตพ่ นั ธะแห่งความเปน็ ไพร่ยังเหลอื อย่ใู นรูปของ “เงินรชั ชูปการ” แต่เดิมคอื
“เงนิ คา่ ราชการ ทรี่ าษฎรจา่ ยใหร้ ฐั แทนการถกู เกณฑแ์ รงงาน กวา่ ทรี่ าษฎรจะพน้ จากพนั ธะแหง่ ความเปน็
ไพร่อยา่ งแท้จริง ก็เมื่อรัฐบาลในสมยั แรกเร่ิมค้นหาประชาธิปไตยยกเลกิ การเกบ็ เงินรชั ชปู การตงั้ แต่ พ.ศ.
๒๔๘๒ เป็นตน้ มา

       ในดา้ นความสมั พนั ธข์ องกลมุ่ คนตา่ งๆ ในสงั คมนน้ั เมอื่ การจดั ระเบยี บทางสงั คมและการปกครอง
ที่เคยมีระบบไพร่เป็นพื้นฐาน เปลี่ยนมาเป็นระบบกระทรวง ทบวง กรม มณฑลเทศาภิบาล หรือระบบ
ราชการสมยั ใหม่ตามแบบตะวนั ตกที่มีสายงานการบงั คับบัญชาลดหล่ันกันมาเปน็ ช้ันๆ แลว้ (hierarchy)
ความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมของสังคมไทยสมัยจารีต จึงถูกแทนท่ีด้วย ความสัมพันธ์ตามสายงานการ
บังคับบัญชา เป็นความสมั พันธ์ทางสังคมอย่างเป็นทางการทั้งในภาคราชการหรือภาครฐั และภาคเอกชน
อยใู่ นลกั ษณะของ ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการ หรอื หัวหน้าและลูกน้อง มไิ ดเ้ ปน็ ความสมั พนั ธส์ ว่ นตวั หาก
แต่ตามหน้าท่ีการงาน อยู่บนพื้นฐานของระบบกฎหมาย กฎเกณฑ์ขององค์กรนั้นๆ และหลักการบริหาร
จดั การ ท้ังสองฝา่ ยต้องพ่งึ พากันในการปฏบิ ัตหิ นา้ ทกี่ ารงานเพ่อื ความเจริญก้าวหนา้ ขององค์กรตน

       นอกจากความสัมพันธ์หลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคมยังผสานด้วย
ความสมั พนั ธท์ างธรุ กจิ (พอ่ คา้ หรอื นายทนุ กบั ลกู คา้ นายจา้ ง-ลกู จา้ ง เจา้ หน-้ี ลกู หนี้ เจา้ ของอาคาร-ผเู้ ชา่
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49