Page 71 - โลกทัศน์ไทย
P. 71
ศาสนาครสิ ต์ในสงั คมไทย 9-61
สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทยได้พยายามพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนในสังกัดให้
ใกล้เคยี งกนั และที่ส�ำคัญคือการจัดหลกั สตู รการสอนคำ� สอน (catechism) ใหเ้ ปน็ แบบเดียวกนั
2. สภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพ่ือการพัฒนา
สภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพ่ือการพัฒนาเป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาททางสังคมมากที่สุดใน
กรรมาธิการฝ่ายสังคม หน่วยงานนี้มคี วามเปน็ มาดงั น้ี
ก่อนหน้าที่คริสตจักรในประเทศไทยจะต้ังกรรมาธิการฝ่ายสังคมอย่างเป็นทางการนั้น กิจกรรม
ดา้ นสงั คมสงเคราะหไ์ ดก้ ำ� เนดิ ขนึ้ มากอ่ นหนา้ นนั้ กลา่ วคอื ประมาณ ค.ศ. 1964 อาสาสมคั รกลมุ่ หนงึ่ ทำ� งาน
ในแหล่งสลัมห้วยขวาง-ดินแดง น�ำโดยบาทหลวงบอนแนงค์และนายแพทย์ชวลิต จิตรานุเคราะห์ ได้ก่อ
ตั้งศูนยก์ ารศึกษาผใู้ หญ่ข้นึ ช่อื “ศนู ยก์ ลางเทวา” เพื่อให้ประชาชนรูจ้ ักชว่ ยเหลือและพฒั นาตนเอง โดย
ใช้กิจกรรมกลุ่มออมทรัพย์พัฒนาหรือท่ีเรียกว่า เครดิตยูเนียน กิจกรรมน้ีประสบความส�ำเร็จและได้ใช้ช่ือ
ว่า “เครดติ ยเู นยี นแห่งศนู ยก์ ลางเทวา” (อกี ชื่อหนึ่งคือ เครดิตยเู นยี นดรุณานารี)
เครดติ ยเู นยี นเนน้ การสอนใหค้ นรว่ มกนั คดิ รว่ มกนั ทำ� งาน มกี ารสอนใหด้ ำ� เนนิ ธรุ กจิ อยา่ งถกู ตอ้ ง
นอกจากนี้ยังมีการผลิตผู้น�ำของชุมชนอีกด้วย จนถึงปี ค.ศ. 1967 สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่ง
ประเทศไทยได้ตั้งคณะกรรมการสังคมสงเคราะห์ข้ึนเพื่อให้คริสตชนมีบทบาทในการพัฒนาสังคมและ
เศรษฐกิจมากขึ้น กิจการเครดิตยูเนียนไดพ้ ัฒนาเป็น “ศูนยเ์ ครดิตยเู นยี นแหง่ ประเทศไทย”
จนถึงวันท่ี 10 ธันวาคม ค.ศ. 1970 คณะกรรมการสังคมสงเคราะห์ได้ตกลงเปลี่ยนระบบคณะ
กรรมการใหม่เป็น สภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพื่อการพัฒนา (Catholic Council of Thailand for
Development: CCTD) และไดเ้ ชิญองค์การ สมาคมและบคุ คลต่างๆ ท่ีท�ำงานด้านสงเคราะหแ์ ละพัฒนา
เข้าเป็นสมาชกิ และมสี �ำนักงานของบุคลากรท�ำงานชือ่ ศนู ยส์ ังคมพฒั นา
ปัจจุบันสภาคาทอลิกเพ่ือการพัฒนามีองค์กรสมาชิก 32 แห่ง คือ ศูนย์สังคมพัฒนาของแต่ละ
สังฆมณฑล 10 แหง่ องคก์ รด้านการศกึ ษา เยาวชน การสงเคราะหแ์ ละพัฒนาของคณะนักพรตต่างๆ อกี
22 แหง่ มคี ณะกรรมการทำ� หนา้ ทบี่ รหิ ารและกำ� หนดทศิ ทางการทำ� งาน มสี ำ� นกั เลขาธกิ ารทำ� หนา้ ทปี่ ระสาน
งานสง่ เสริมและสนับสนุนการท�ำงานขององคก์ รสมาชกิ ทง้ั หมด
3. พัฒนาการของแนวความคิดในการท�ำงานของสภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพ่ือ
การพัฒนา
เราอาจแบง่ พฒั นาการของแนวความคิดในการท�ำงานออกเปน็ 4 ชว่ ง คอื
1) ช่วงแห่งการปลุกจิตส�ำนึก (ต้งั แตก่ ่อตั้ง ค.ศ. 1970-1977) นับแตไ่ ดต้ ้งั ศูนย์สงั คมพัฒนาขนึ้
เปน็ การเผยแพรแ่ นวความคดิ เกย่ี วกบั การพฒั นาแนวใหม่ จนถงึ ค.ศ. 1973 ไดม้ กี ารประชมุ สมชั ชาครง้ั แรก
และได้วางนโยบายการท�ำงาน 5 ปี ซึ่งเป็นการปลุกจิตส�ำนึกให้คนพัฒนาโดยการพ่ึงตนเอง กิจกรรม
ในช่วงน้ี เป็นการจดั สัมมนาพระสงฆ์และนักพรตเพอื่ ศึกษาความหมายของการพฒั นาคน (ต่อมาเรยี กวา่
“การพฒั นาคนทง้ั ครบ” (Total Human Development)) และไดอ้ อกวารสารสังคมพัฒนา เพอื่ เผยแพร่
แนวความคดิ นดี้ ้วย