Page 18 - วิถีไทย
P. 18
2-8 วถิ ไี ทย
เรื่อง “พระขพงุ ผี” ผู้สถิตอยู่เหนอื เขาหลวงของแควน้ สุโขทยั ความเชือ่ ต่อดอยตุงในภาคเหนอื ว่าเป็นถ่นิ
ท่อี ยเู่ ดมิ ของบรรพชนชาวล้านนา
ต่อมาเมื่อผู้คนในแถบย่านบริเวณดังกล่าว รับนับถือศาสนาพราหมณ์-พุทธ ก็อธิบายให้
ความหมายใหมว่ า่ ภเู ขาดงั กลา่ วเปน็ ทอ่ี ยขู่ องเทพเจา้ สรา้ งเปน็ ปราสาทประดษิ ฐานของแสดงความเคารพ
อย่างเช่น ปราสาทเขาพระวิหาร สร้างถวายแด่พระศิวะบนยอดเขาพนมดงรัก ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัด
บรุ ีรัมย์ สร้างถวายแด่พระนารายณ์ บนยอดเขาพนมรงุ้ ปราสาทพิมาย จังหวดั นครราชสมี า และปราสาท
เมอื งสงิ ห์ จงั หวดั กาญจนบรุ ี สรา้ งถวายแดพ่ ระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวรและพระชยั พทุ ธมหานาถ ตามความ
เช่ือพุทธมหายาน ปราสาทเขารัง ปราสาทสด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว ที่ต้ังอยู่ชายเขาอันเป็นเส้นทาง
คมนาคมระหว่างลุ่มแมน่ ำ้� เจ้าพระยากับเมอื งพระนครของอาณาจกั รกมั พชู า เปน็ ต้น
บา้ งกส็ รา้ งเปน็ ตำ� นานกลา่ ววา่ เปน็ สถานทท่ี พี่ ระพทุ ธเจา้ เคยเสดจ็ มาและแสดงพทุ ธทำ� นายเอาไว้
จนนำ� ไปสกู่ ารสรา้ งพระบรมธาตเุ จดยี ข์ น้ึ เชน่ “ต�ำนานพระบรมธาตเุ มอื งนครศรธี รรมราช” ทเี่ ลา่ เรอื่ งการ
สรา้ งพระบรมธาตุเมอื งนครศรีธรรมราช “อุรังคนทิ าน” หรือ “ต�ำนานพระธาตพุ นม” ทเ่ี ล่าเร่อื งการสร้าง
พระธาตพุ นม จงั หวดั นครพนม เปน็ ตน้ ยงั ผลใหส้ ถานทธ่ี รรมชาตดิ งั กลา่ วมคี วามสำ� คญั ทางวฒั นธรรมตอ่
ความเช่อื ของผคู้ นในทอ้ งถนิ่ อยู่ตอ่ มา แม้จะเปลยี่ นความเชือ่ ไปจากเดมิ มากแลว้ ก็ตาม เจดยี ท์ ตี่ ั้งโดดเด่น
ริมแม่น�้ำล�ำคลอง ยังมีประโยชน์ในแง่เป็นหมุดหมาย (Landmark) ให้แก่สถานท่ี อาทิ พระมหาเจดีย์
ภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้ังอยู่ริมแม่น้�ำเจ้าพระยา กลางทุ่งภูเขาทอง แลเห็นแต่ไกล เป็น
สญั ลักษณบ์ อกเขตและระยะการเดนิ ทางกอ่ นเข้าสตู่ วั เมอื งพระนครศรีอยุธยา ทางทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนือ
อนั เปน็ เส้นทางคมนาคมโบราณตดิ ตอ่ ระหวา่ งแควน้ สุพรรณภูมกิ ับกรงุ ศรีอยุธยา
2. แนวคิดนิเวศวิทยาชาติพันธุ์ (Ethnoecology)
ตามค�ำอธิบายของยศ สันตสมบัติ5 “นิเวศวิทยาชาติพันธุ์” (Ethnoecology) เป็นมุมมองทาง
มานุษยวิทยาที่ให้ความสนใจกับประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ โดยมุ่งเน้นการ
ท�ำความเข้าใจกับวธิ คี ิด โลกทัศน์ จักรวาลวิทยา และการจดั ระบบจ�ำแนกแยกแยะธรรมชาตแิ วดลอ้ มของ
มนุษย์แต่ละกลุ่มแต่ละชาติพันธุ์ มุมมองดังกล่าวให้ความส�ำคัญกับมิติทางวัฒนธรรมของการจัดการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ ซ่งึ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลติ และการด�ำรงชีวติ ของมนุษย์ภายในระบบนิเวศ
ท่แี ตกต่างกนั ออกไป และภายใตบ้ ริบทและเงื่อนไขทางเศรษฐกจิ สังคมการเมืองที่เปลยี่ นแปลงอยู่ตลอด
การศึกษาในแนวนิเวศวิทยาชาติพันธุ์แต่เดิมเร่ิมต้นข้ึนโดยใช้ช่ือแตกต่างกันออกไป เช่น
วทิ ยาศาสตรช์ าตพิ นั ธ์ุ (Ethnoscience) พฤกษศาสตรช์ าตพิ นั ธุ์ (Ethnobotany) นเิ วศวทิ ยาวฒั นธรรม
(Cultural Ecoogy) ระบบความรนู้ เิ วศพืน้ บา้ น (Traditional Ecological Knowledge) เปน็ ต้น แม้ว่า
การศึกษาภายใต้ชือ่ เหล่านจี้ ะมมี ุมมองและแนวคิดทฤษฎที แี่ ตกต่างกันออกไปบา้ ง แต่ประเด็นทเ่ี ชือ่ มโยง
การศกึ ษาเหลา่ นเ้ี ขา้ ดว้ ยกนั และถอื เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ของนเิ วศวทิ ยาชาตพิ นั ธใ์ุ นเวลาตอ่ มา คอื ความประทบั ใจ
ของนกั มานษุ ยวทิ ยาและนกั วทิ ยาศาสตรก์ ลมุ่ หนงึ่ ทม่ี ตี อ่ ความลมุ่ ลกึ กวา้ งขวาง และซบั ซอ้ นขององคค์ วามรู้
5 ยศ สันตสมบัติ และคณะผู้วิจัย. (2547). นิเวศวิทยาชาติพันธุ์ ทรัพยากรชีวภาพ และสิทธิชุมชน. เชียงใหม่: คณะ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. น. 2-5.