Page 16 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 16

3-6 ทฤษฎแี ละการวิจารณภ์ าพยนตร์

                              ภาพที่ 3.1 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี
       ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังได้ยกตัวอย่างเพ่ือให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างรูปลักษณะกับ
ปรมิ าตรอกี วา่ ความงามประณตี ของลกู คลที ท่ี ำ� ดว้ ยยางนน้ั อยทู่ คี่ วามกลมสมบรู ณแ์ หง่ ปรมิ าตรของมนั ซงึ่
กำ� หนดใหเ้ ป็นรปู ลักษณะน้ัน ถา้ เราบบี ลกู คลีให้แฟบ ปริมาตรของลูกคลีก็เสียรูปลกั ษณะไป ลูกคลีก็ดูไม่
งามอีกต่อไป เพราะฉะนนั้ รปู ลักษณะจะงามก็เพราะปรมิ าตรสมบรู ณ์ หรือพดู กลับกนั ได้ว่า ปริมาตรงาม
เพราะรูปลักษณะของปริมาตรสมบูรณ์ ในทางดนตรีและวรรณคดีเมื่อกล่าวถึงรูปลักษณะก็หมายความว่า
วิธีจัดล�ำดบั องค์ประกอบน้ันงามวิจิตร หรือมีวิธกี ารแสดงออกมาซึ่งรูปความคิด (idea) หรอื วธิ แี สดงงาม
ประณีต เช่น เราอ่านหนังสือเรื่องหน่ึงแล้วรู้สึกยินดเี ป็นที่พอใจ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะความหมายในข้อความ
ของหนังสือเร่ืองน้ันเท่าน้ัน แต่ยังเป็นเพราะวิธีเรียงข้อความอย่างงามวิจิตร และมีวิธีเขียนให้อ่านหรือฟัง
ราบรื่นไม่มีอะไรท�ำให้รู้สึกติดตะกุกตะกัก ถ้ามีลักษณะอย่างน้ีก็กล่าวได้ว่าหนังสือเร่ืองน้ัน มีรูปลักษณะ
แหง่ องคป์ ระกอบหรือขอ้ ความทีเ่ รียบเรยี งและวิธเี ขยี นสงู (พระยาอนุมานราชธน, 2515, น. 108-110)
       รูปทรงก็คือส่วนท่ีเกิดจากการรวมตัวอย่างมีเอกภาพและมีระเบียบแบบแผนขององค์ประกอบ
ศิลป์ เช่น เส้น สี เสียง ค�ำพูด รปู ทรงของศลิ ปะในแต่ละแขนงก็จะมคี วามแตกตา่ งกันออกไป อาทิ รูปทรง
ในภาพเขยี นจะเกดิ จากการรวมตวั ของ “เสน้ และส”ี อยา่ งเปน็ เอกภาพมรี ะเบยี บแบบแผน ปรากฏออกมา
เปน็ ความสมดลุ หรอื ตามลกั ษณะพนื้ ผวิ ของภาพ ในดนตรรี ปู ทรงจะเกดิ จากการรวมตวั ของ “เสยี ง” อยา่ ง
มเี อกภาพ มรี ะเบียบแบบแผน ปรากฏออกมาเปน็ จงั หวะ ทำ� นอง การประสานเสยี ง ในวรรณคดีรปู ทรง
ยอ่ มเกดิ จากการรวมตวั ของ “คำ� ” อยา่ งเปน็ เอกภาพมรี ะเบยี บแบบแผนอนั ปรากฏออกมาเปน็ ฉนั ทลกั ษณ์
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21