Page 57 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 57

การศึกษาภาพยนตรแ์ นวผ้ชู ม 15-47
วฒั นธรรม เปน็ อตั ลกั ษณเ์ ฉพาะตวั และกลายเปน็ พลงั ผลกั ดนั บางอยา่ งใหก้ บั สงิ่ ทตี่ นเองชน่ื ชอบ เชน่ การ
ประท้วงให้นำ� รายการทตี่ นชน่ื ชอบกลบั มาใหม่ กรณีนีเ้ จนก้ินส์ เสนอว่า ยิ่งแฟนคลับมคี วามรกั มากเทา่ ไร
กย็ งิ่ กา้ วไปสกู่ ารมสี ว่ นรว่ มมากเทา่ นนั้ และการมสี ว่ นรว่ มกเ็ ตบิ โตขน้ึ ไดด้ ว้ ยเทคโนโลยกี ารสอ่ื สารสมยั ใหม่
เชน่ อนิ เทอรเ์ นต็ โทรศพั ท์เคลอื่ นที่

       ประการสุดท้าย ฟิสเก้ เสนอว่า แฟนสามารถก้าวไปสู่การผลิตเน้ือหาสารท่ีเก่ียวข้องกับเน้ือหา
สารเดมิ ท่ตี นเองสนใจ หรือเรยี กวา่ เท็กซช์ ัวร์ โปรดกั ซ์ทิวตี ี้ (textual productivity) ดังเช่น กรณกี าร
แตง่ นิยายแฮรี่ พอ็ ตเตอร์ (Harry Potter) ตอนต่อมาของบรรดาแฟนพันธแุ์ ท้ การท�ำนิตยสารทเ่ี กยี่ วกับ
เนอ้ื หาทตี่ นสนใจ ซงึ่ ในสว่ นนถี้ อื เปน็ การขยายแนวคดิ สมั พนั ธบท (intertextuality) ทเี่ ชอื่ มโยงตวั บทเดมิ
เช่น ภาพยนตร์ทีต่ นชืน่ ชอบและพัฒนาไปสู่การผลิตตวั บทใหม่ทมี่ รี อ่ งรอยของเดมิ ถอื ไดว้ ่า เปน็ การตอ่ สู้
ในชีวิตประจ�ำวันของผู้คนธรรมดาท่ีผลิตสื่อด้วยตนเองดังแนวคิดของ ไมเคิล เดอ แซคโต (Michel de
Certeau)

       เจนก้ินส์ (Jenkins, อ้างถึงใน Sullivan, 2013) ขยายความเพ่ิมด้วยว่า ในยุคก่อนการมี
อนิ เทอร์เน็ต บรรดาแฟนๆ จะใช้วธิ กี ารผลติ สือ่ นติ ยสาร จดหมายข่าว และเรยี กว่า แฟนซนี (fanzines)
และหลงั จากนน้ั จงึ ใชส้ อ่ื ออนไลน์ โดยเนอื้ หาจะมที งั้ การสอื่ สารขอ้ มลู กจิ กรรมทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ตวั บททตี่ นเอง
รัก ข้อมูลบุคคลเครือข่าย สิ่งที่กลุ่มแฟนประดิษฐ์หรือท�ำขึ้น และที่ส�ำคัญก็คือติดต่อส่ือสารเรื่องราวกับ
บรรดากลมุ่ แฟนคลบั กนั เอง ยง่ิ ไปกวา่ นนั้ บรรดาแฟนนยิ ายรวมถงึ ละครและภาพยนตร์ หรอื เรยี กวา่ แฟน
ฟิกช่ันหรือแฟนฟิก (fan fiction, fan fic) ก็ยังนิยมท่ีจะเขียนเน้ือหาเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับตัวบทเดิม
ดว้ ยแนวทางต่างๆ เช่น การเติมเต็มเรื่องราวทบี่ รรดาแฟนต้องการท่ตี วั บทเดมิ อาจไมไ่ ด้แต่งเติมไว้ หรอื
ในบางครั้งกอ็ าจไมพ่ อใจทผี่ ู้แต่งเดมิ แต่งไว้จงึ เขยี นขึน้ ใหม่ การแตง่ เพลงประกอบ การขยายความตวั บท
เพมิ่ เติม การนำ� ตวั ตนเขา้ ไปในเร่อื ง แมก้ ระท่ังจนิ ตนาการเรือ่ งเพศ

       สำ� หรบั ในกรณขี องไทย กาญจนา แกว้ เทพ (2555) กย็ งั พบวา่ แฟนคลบั อาจไมไ่ ดผ้ ลติ แตก่ เ็ ขา้ ไป
เกยี่ วขอ้ งกบั การจดั การดา้ นการเผยแพรก่ ไ็ ด้ เชน่ กรณขี องแฟนคลบั ศลิ ปนิ ดารานกั รอ้ งทไ่ี ปทำ� หนา้ ทเี่ ปน็
ผ้ชู ว่ ยหรือบอดก้ี าร์ดยามเดนิ ทางไปทตี่ า่ งๆ ซง่ึ เปน็ ส่วนทง่ี านของต่างประเทศยงั ไมไ่ ด้อธบิ ายไปถงึ

       ในกรณีของภาพยนตร์ การศึกษาแฟนมักจะเป็นกลุ่มคนที่สนใจภาพยนตร์หรือตัวดารา ซึ่งอาจ
เปน็ ไดท้ ง้ั ตวั บททไี่ ดร้ บั ความนยิ มสงู ไปจนถงึ ตวั บททอี่ าจมลี กั ษณะเฉพาะกลมุ่ เชน่ ภาพยนตรส์ ยองขวญั
ภาพยนตร์อวกาศ การศึกษามักจะใช้แนวทางชาติพันธุ์วรรณนา เพื่อเผยให้เห็นว่า กลุ่มแฟนเหล่านั้น
บริโภคความหมายของตัวบทในลักษณะอย่างไร มีการรวมกลุ่มกันหรือไม่ และรวมไปถึงการสร้างตัวบท
ใหมไ่ ดอ้ ยา่ งไร

       ส�ำหรบั การศกึ ษาแฟนภาพยนตร์ในไทยพบว่า มงี านศึกษาของนฏั กร บุญมาเลศิ (2552) ศึกษา
พฒั นาการแสดงสิทธิและเสยี งของเครือข่ายคนดูหนัง งานช้นิ นชี้ ไี้ ปสกู่ ารรวมกล่มุ ของคนรักหนงั ทร่ี วมตัว
กันข้ึนจากแรงกระตุ้นของนิตยสารภาพยนตร์ในนามไบโอสโคป (Bioscope) ของไทยและปรากฏการณ์
การจัดระดับความเหมาะสมของภาพยนตร์ภายใต้ พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่เป็น
กฎหมายใหมใ่ นชว่ งนน้ั ซงึ่ ระบขุ อ้ ความการเซน็ เซอรภ์ าพยนตร์ จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การรวมตวั
ของผชู้ มภาพยนตรข์ ้นึ เพ่ือเรยี กร้องสทิ ธิของคนรกั หนัง
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62