Page 41 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 41

41

5. 	 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ทัศนะของนักวิชาการใน            8. 	 “แกน่ เรื่อง” คอื อะไร
   กลมุ่ โครงสรา้ งนิยม                                    ก. 	เร่อื งย่อ
   ก. 	เจตนาของมนุษย์ถือเป็นองค์ประธานใน                   ข. 	ความขดั แย้งระหวา่ งตวั ละคร
       การสอื่ สาร                                         ค. 	องคป์ ระกอบศิลปะในเร่ืองเลา่
   ข. 	เนอื้ หาสือ่ /ตวั บทมโี ครงสรา้ ง รหสั ระบบ         ง. 	 ความคิดรวบยอดท่ีเจ้าของเรื่องต้องการ
       ระเบียบในการจัดวาง                                      น�ำเสนอ
   ค. 	ความสัมพันธ์ระหว่างรูปสัญญะกับความ                  จ. 	 การส่ือสารว่าเร่ืองท่ีเล่าน้ันถูกเล่าจาก
       หมายสญั ญะนน้ั ปราศจากหลกั เกณฑใ์ ดๆ                    มุมมองของผู้ใด
   ง. 	 กระบวนการสร้างความหมาย (signifi-
       cation) จะเกิดข้ึนได้น้ันเริ่มจากการมี           9. 	 ขอ้ ใดตอ่ ไปนค้ี อื ลกั ษณะการเลา่ เรอื่ งแบบสมยั
       ตัวอ้างอิง (reference) ซึ่งเป็นสิ่งท่ีมีอยู่        ใหม่ (Modernist narration)
       เกดิ ขน้ึ ในโลกนี้ เมอื่ มนษุ ย์เหน็ ตัวอ้างองิ     ก.	 การเลา่ เรอื่ งนนั้ จะปรากฏคขู่ ดั แยง้ เปน็ คๆู่
       แลว้ กเ็ กดิ การสอ่ื สารเพอื่ ถา่ ยทอดเกดิ ขนึ้     ข. 	 ตอนจบในภาพยนตรล์ กั ษณะนม้ี ลี กั ษณะปดิ
   จ. 	 สัญญะคือระบบในการส่ือสารท่ีไม่ได้                  ค. 	การเล่าเร่ืองท่ีระบุว่าปัจจัยทางจิตวิทยา
       หมายถงึ แคภ่ าษาพดู หรอื ภาษาเขยี น แต่                 ของตัวละครเอกเป็นต้นด�ำเนิดของเร่ือง
       รวมถึงระบบภาษาแบบอื่นๆ ท่ีใช้ในการ                      ราวท้งั หมด
       ส่อื สารด้วย                                        ง. 	 การเล่าเรือ่ งท่ใี ช้การตัดต่อแบบฉับไว ใช้
                                                               มุมกล้องและการจัดองค์ประกอบภาพ
6. 	 ความความสมั พนั ธแ์ บบซนิ แทกมาตกิ (Syn-                  แบบแปลกๆ
   tamatic) ในทศั นะของเฟอรด์ นิ านด์ เดอ โซซรู ์          จ. 	 การใหค้ วามสำ� คญั กบั การจดั องคป์ ระกอบ
   คอื อะไร                                                    ภาพ (mise-en-scène) ในฐานะทถี่ อื วา่
   ก. 	ความสัมพันธ์ระหว่างตัวบทกบั บรบิ ท                      เปน็ สง่ิ ทแี่ สดงความเปน็ ตวั ตนเอกลกั ษณ์
   ข. 	ความสมั พนั ธ์ระหว่างตวั บทกบั ตวั บท                   ของผกู้ �ำกับ
   ค. 	ความสมั พนั ธท์ ป่ี ราศจากหลกั เกณฑใ์ ดๆ
   ง. 	 การเลอื กชดุ สญั ญะจากหมวดหมเู่ ดยี วกนั        10.	 ขอ้ ใดตอ่ ไปนข้ี อ้ ใดตอ่ ไปนกี้ ลา่ วถงึ ความสมั พนั ธ์
   จ. 	 การเชอื่ มโยงความสมั พนั ธจ์ ากชดุ สญั ญะ          ระหวา่ ง “การเลา่ เรอ่ื งในภาพยนตร์ กบั “อดุ ม-
       ทีเ่ ลอื กไว้                                       การณ”์ ผิด
                                                           ก. 	 ภาพยนตรเ์ ปน็ พนื้ ทจ่ี รงิ ๆ ลวงๆ ทเ่ี หมาะสม
7. 	 ข้อใดต่อไปน้ีจัดเป็นองค์ประกอบในการเล่า                   ตอ่ การท�ำงานของอดุ มการณ์
   เรอื่ ง                                                 ข. 	ภาพยนตร์ท�ำหน้าที่ทางอุดมการณ์แยก
   ก. 	ความขดั แยง้ ในเร่อื งเลา่                              ออกไปจากสถาบันส่ือมวลชนอืน่ ๆ
   ข. 	สภาพขององค์กรผู้ผลติ สื่อ	                          ค. 	ภาพยนตร์ใช้หลักในการเล่าเร่ืองแบบท�ำ
   ค. 	ปัจจัยทางสงั คมของผูส้ ง่ สาร                           กรณยี กเวน้ (exceptional case) ใหเ้ ปน็
   ง. 	 บรบิ ททางวัฒนธรรมของผรู้ ับสาร                         ขอ้ เทจ็ จริงทวั่ ไป (generalization)
   จ. 	 ระยะเวลาทเ่ี ร่ืองเลา่ น้ันถกู แต่งข้นึ
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46