Page 10 - โลกนิติจำแลง
P. 10
(8)
ความเปน็ มาของโลกนิติ
โลกน ติ ิ หรือ โลกน ีติ เปน็ ช ือ่ ค มั ภีรค์ ำสอนข องอ ินเดยี ท ี่โบราณาจารย์
ได้รวบรวมไว้แ ละเป็นท ี่รู้จักก ันมาเป็นเวลาช ้าน าน โดยเฉพาะในป ระเทศท ี่ได้
รับอิทธิพลจากปรัชญาและวัฒนธรรมอินเดีย ทั้งได้รับความนิยมแพร่หลาย
มากกว่าคัมภีร์อื่นในแนวเดียวกันอย่างเช่น คัมภีร์ธรรมนีติ คัมภีร์ราชนีติ
คัมภีร์สุตวัฑฒนนีติ หิโตปเทศ หรือ จาณักยศต กะ ซึ่งล้วนมีเนื้อหาเป็นคติ
สอนใจให้แนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงาม ตลอดจนเป็นหลัก
ในการปกครองและบริหารบ้านเมือง แต่คัมภีร์โลกนีติมีขอบข่ายกว้างขวาง
กว่า ครอบคลุมวิถีช ีวิตข องค นท ุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นพ ระราชา นักรบ นักบวช
นักปราชญ์ ข้าราชการ โดยเฉพาะสามัญชนทั่วไป ทั้งห ญิงช าย ผู้ใหญ่ผู้เยาว์
คนร่ำรวยหรือยากจน นอกจากนี้สำนวนภาษาตลอดจนความหมายก็ง่าย
ต่อก ารทำความเข้าใจมากกว่าคัมภีร์อื่น ๆ
คัมภีร์โลกนีติท ี่เข้ามาในป ระเทศไทยแต่งไว้เป็นค าถาภาษาบาลีห รือ
ภาษาม คธ เท่าที่ปรากฏในวรรณกรรมไทย มี ๑๖๗ คาถา ในจำนวนนี้ม ีหลาย
บทที่แปลงมาจากคาถาภาษาบาลีสันสกฤตในค ัมภีร์ต ่าง ๆ ที่กล่าวม าข้างต้น
และเมื่อแต่งเป็นโคลงโลกนิติ ก็ได้เพิ่มส ุภาษิตอื่น ๆ เข้าไปด ้วย
โลกน ติ ิในวรรณกรรมไทย
ภาษิตจากคัมภีร์โลกนีติน่าจะแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่
สมัยสุโขทัยและคงจะได้รับความนิยมมากด้วยมีสาระจากคำสอนบางบท
ปรากฏในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย เช่น ในศ ิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง
มหาราช และศ ิลาจารึกห ลักที่ ๕ ศิลาจารึกวัดป่าม ะม่วง ตรงกับที่ป รากฏใน
คัมภีร์โลกนีติ ดังตัวอย่าง