Page 15 - โลกนิติจำแลง
P. 15
(13)
จะเห็นได้ว่าภาษิตโลกนิติที่ปรากฏในวรรณกรรมไทยนั้นมีหลาย
สำนวน ทั้งร้อยแ ก้วแ ละร้อยกรอง แตรู่ปแ บบท ีน่ ิยมแ ต่งก ันม ากท ี่สุดค ือ โคลง
สี่สุภาพ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์
“โลกนิติจำแลง” ก็ได้ทรงเลือกคำประพันธ์ในลักษณะโคลงสี่สุภาพเช่นกัน
ดังจะก ล่าวถ ึงต่อไปข้างห น้า
สาระจากโลกนติ ิ
โลกนิติ เป็นวรรณคดีประเภทคำสอนที่รู้จักกันแพร่หลายใน
ประเทศไทยม ากว่า ๗๐๐ ปี แม้กระทรวงศึกษาธิการจะได้เคยคัดเลือกโคลง
โลกนิติบางบทเป็นหนังสือแบบเรียนในช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม แต่กล่าวได้ว่า
โลกนิติเป็นที่รู้จักไม่แต่เฉพาะในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาผู้สนใจวรรณคดีไทย
เท่านั้น หากประชาชนคนไทยทุกคนจะรู้จักภาษิตคำสอนจากโลกนิติยิ่งกว่า
จากเรื่องอ ื่น ๆ และโดยเฉพาะอ ย่างยิ่ง จากโคลงโลกน ติ ิ สำนวนข องส มเดจ็
พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพ ระยาเดชาด ิศร ที่เป็นเช่นน ั้น ด้วยโคลงโลกน ิติ
มีสาระที่จับใจคนไทยใน ๓ ประการ คือ
๑. ขอบขา่ ยข องค ตคิ ำส อน เปน็ ค ำสอนท จี่ ำแนกเนือ้ หาตามลกั ษณะ
ของบุคคลประเภทต่าง ๆ คือ ผู้รู้ห รือผ ู้ม ีป ัญญา คนดี คนพาล ผู้เป็นม ิตร
สตรี ผปู้ กครองห รอื พ ระราชา และเบด็ เตลด็ จงึ กวา้ งข วางค รอบคลมุ ความรูส้ กึ
นึกคิดและชีวิตความเป็นอยู่ทุกด้าน และมักนำไปกล่าวอ้างในวรรณคดีเรื่อง
อื่น ๆ ด้วย เช่น โคลงบทท ี่ว่า
“วิชาควรรักรู้ ขาด
อย่าหมิ่นศ ิลปศาสตร์ ว่าน ้อย
รู้จริงสิ่งเดียวอาจ มีม ั่ง
เลี้ยงช ีพช้าอยู่ร้อย ชั่วห ลื้อเหลนห ลาน”