Page 44 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 44
2-42 การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
เรื่องที่ 2.3.1
การป ้องกันแบบค รอบจกั รวาล
1. แนวคิดข องก ารปอ้ งกันแ บบค รอบจ กั รวาล (Universal Prevention)
มาตรการป้องกันสำหรับกลุ่มประชากร (Population Groups) ซึ่งเป็นประเภทที่ประยุกต์ใช้โดยทั่วไปที่
เรียกว่า จักรวาล (Universal) ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้กับทุกๆ คน เป็นมาตรการที่ใช้กับสาธารณะโดยทั่วไปและ
หลายๆ กรณีสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีคำแนะนำหรือการช่วยเหลือจากผู้ที่เชี่ยวชาญ เช่น การรักษาการควบคุม
อาหารที่เพียงพอ การรักษาสุขภาพในช่องปาก การคาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ การเลิกการสูบบุหรี่ และการให้
ภูมิคุ้มกัน เป็นต้น การป้องกันแบบนี้เป็นระดับที่ใช้กับประชากรทั่วไปซึ่งเป็นประโยชน์และความเสี่ยงในประชากร
ทุกคน
กลยุทธ์การป้องกันแบบครอบจักรวาลได้รับการออกแบบเพื่อกลุ่มประชากรทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงความ
เสี่ยงในแต่ละบุคคลโดยตั้งใจให้ไปสู่คนกลุ่มใหญ่มากๆ โปรแกรมนี้จัดให้กับประชากรทุกคน เช่น ในโรงเรียน
ชุมชน เป็นต้น ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เป็นการดำเนินการป้องกันแบบครอบจักรวาลของสารเสพติดต้องรวม
การให้ค วามร ู้เกี่ยวก ับสารเสพติดในหลักสูตรข องโรงเรียนสำหรับเด็กทุกค นภายในช ุมชนนั้น
2. กรณตี ัวอย่างก ารป้องกนั แบบค รอบจกั รวาลในต่างป ระเทศ
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่มปฏิบัติตามการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบบครอบจักรวาล
(Universal Precaution; UP) เพราะมีรายงานว่า มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโรคเอดส์ องค์การอนามัยโลก
ได้จัดประชุมใน พ.ศ. 2536 เพื่อหาวิธีการป้องกันโรคเอดส์และไวรัสตับอักเสบบี ในโรงพยาบาลและแนะนำให้
ประเทศส มาชิกน ำวิธีน ี้ไปปฏิบัติ ประเทศไทยได้สนองตอบน โยบายน ี้เนื่องด ้วยเหตุผล ดังนี้
1) ผู้ที่มีเชื้อโรคติดต่อทางเลือดและสารคัดหลั่งมีจำนวนมาก การระมัดระวังในผู้ป่วยทุกรายจึงกระทำได้
ง่าย สะดวก ประหยัดกว่าก ารค ้นหาว่า ผู้ป ่วยร ายใดต ิดเชื้อบ้าง
2) การใช้วิธีการนี้นอกจากจะเป็นการป้องกันโรคเอดส์แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคอื่นๆ ได้ด้วย โดย
เฉพาะโรคต ับอักเสบ
3) การค้นหาผ ู้ป่วยติดเชื้อเอดส์โดยการตรวจท างห้องปฏิบัติการไม่ว ่า ผลก ารตรวจแสดงว ่า ผู้ป่วยติดเชื้อ
ไวรัสโรคเอดส์จ ริงห รือไม่ บุคลากรทางการแพทย์ต้องป ฏิบัติตามค ำแนะนำในการป ้องกันโรค
4) การปฏิบัติรูปแบบเดียวกันในผู้ป่วยทุกรายจะทำให้ง่ายกว่า ทำให้บุคลากรเคยชิน ไม่ลืมปฏิบัติใน
ผู้ป่วยบางร าย นอกจากนี้ยังไม่ท ำให้ผู้ป ่วยเสียค วามร ู้สึกจากก ารเห็นบ ุคลากรเลือกปฏิบัติ
5) การปฏิบัติตามวิธีนี้ จะมีผลทำให้เกิดการป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาลที่ให้ผลดีมีประสิทธิภาพ
สูง
หลกั ก ารของการป อ้ งกนั ก ารแ พรก่ ระจายเชื้อแ บบครอบจ กั รวาล
1) ให้ถือว่า เลือดหรือสารน้ำในร่างกายผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนทั้งที่ทราบและไม่ทราบ
ผลการตรวจเชื้อไวรัสโรคเอดส์ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีโอกาสที่จะมีเชื้อไวรัสอันตรายอยู่ การปฏิบัติงานใดๆ ที่
เกี่ยวข้องก ับเลือดห รือสารน้ำจากร่างกายจึงต ้องร ะมัดระวังในผู้ป่วยท ุกร ายแ ละทุกโอกาสที่ปฏิบัติง าน
ลขิ สิทธ์ิของมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช