Page 64 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 64

11-12 ​พฤติกรรม​มนุษย์แ​ ละจ​ ริยธรรม​ทางเ​ศรษฐกิจแ​ ละธ​ ุรกิจ

       ในช​ ่วง 341–270 ก่อนค​ ริสตกาล เอพ​ คิ​ ิวร​ ัส (Epicurus) นักป​ ราชญช์​ าวก​ รีกท​ ีม่​ ีชื่อเ​สียง มที​ รรศนะว​ ่า ความส​ ุข​
มสี​ องอ​ ย่าง คือ ความส​ ุขจ​ ากก​ ารส​ ัมผัสท​ างก​ าย และค​ วามส​ ุขท​ ีเ่​กิดจ​ ากค​ วามส​ งบอ​ ันเ​ป็นค​ วามส​ ุขท​ างใ​จ ความส​ ุขท​ างใ​จ​
มี​ความส​ ำคัญ​มากกว่า​ความ​สุข​ทาง​กาย การ​แสวงหาค​ วาม​สุข​เกิด​จาก​แรง​ปรารถนาส​ องป​ ระเภท ได้แก่ แรงป​ รารถนา​
ตาม​ธรรมชาติท​ ี่​เกิด​จากค​ วามจ​ ำเป็น​ของช​ ีวิต​และไ​ม่จ​ ำเป็น​ต่อ​ชีวิต แรง​ปรารถนาต​ าม​ธรรมชาติท​ ี่เ​กิด​จากค​ วามจ​ ำเป็น​
ของช​ ีวิตเป็นค​ วามอ​ ยากท​ ีเ่​กิดต​ ามธ​ รรมชาตแิ​ ละเ​ป็นส​ ิ่งจ​ ำเป็น เช่น อาหาร เครื่องน​ ุ่งห​ ่ม ทีอ่​ ยูอ่​ าศัย ยาร​ ักษาโ​รค เป็นต้น
สิ่ง​เหล่าน​ ี้ม​ นุษย์จ​ ะห​ ลีกเ​ลี่ยงไ​ม่ไ​ด้ จำเป็น​ต้องแ​ สวงหา ความส​ ุขไ​ม่ส​ ามารถเ​กิดข​ ึ้น​ได้​หากป​ ราศจากส​ ิ่งเ​หล่าน​ ี้ ส่วนแ​ รง​
ปรารถนา​ที่​ไม่​จำเป็น​ต่อ​ชีวิต​แบ่ง​ออก​เป็น​แรง​ปรารถนา​ที่​เป็น​ไป​ตาม​ธรรมชาติ​แต่​ไม่​จำเป็น​สำหรับ​ชีวิต เช่น ความ​
ต้องการท​ างเ​พศ ซึ่งค​ วรด​ ำเนินท​ างส​ ายก​ ลาง และแ​ รงป​ รารถนาท​ ีม่​ ิได้เ​กิดข​ ึ้นต​ ามธ​ รรมชาตแิ​ ละไ​ม่จ​ ำเป็นส​ ำหรับม​ นุษย์
เช่น ของฟ​ ุ่มเฟือย​ต่างๆ เกียรติยศช​ ื่อเ​สียง ความห​ รูหรา ซึ่ง​สิ่ง​เหล่าน​ ี้​ควรล​ ะเว้น

       แนวคิด​เกี่ยว​กับ​ความ​สุข​ใน​ช่วง​ก่อน​คริสตกาล​ได้​มี​แนวคิด​ความ​สุข​ทั้ง​ความ​สุข​ทาง​กาย​หรือ​ความ​ต้องการ​
ขั้นพ​ ื้นฐ​ าน และ​ความ​สุข​ทาง​ใจ ส่วน​การส​ ร้างค​ วามส​ ุขน​ ั้น สามารถท​ ี่​จะส​ ร้าง​ความ​สุขท​ ั้ง​ใน​ระดับ​ปัจเจก​ชน​และร​ ะดับ​
สังคม

2. 	แนวคดิ ​เก่ยี ว​กบั ค​ วามส​ ุข​ในช​ ่วงก​ อ่ นศ​ ตวรรษ​ท่ี 19 และ​ในศ​ ตวรรษ​ท่ี 20

       ในช​ ่วงศ​ ตวรรษท​ ี่ 18 และต​ ้นศ​ ตวรรษท​ ี่ 19 ในป​ ระเทศอ​ ังกฤษ เป็นย​ ุคท​ ีส่​ ำนักอ​ รรถประโยชนม์​ ีบ​ ทบาทส​ ำคัญ​
ในก​ าร​เป็นผ​ ู้นำ​ทาง​ความ​คิด​ด้านค​ วาม​สุข​และ​ความอ​ ยู่ดี​มี​สุข​มา​ใช้​ใน​การ​พัฒนา​ประเทศ

       เจเร​มี เบน​แธม (Jeremy Bentham) เป็นน​ ัก​ปรัชญา​ชาวอ​ ังกฤษ​ใน​ช่วง ค.ศ. 1784-1832 ได้​เสนอเ​รื่อง The
Greatest Happiness Principle ว่า สังคม​ที่ด​ ี​ที่สุด คือ สังคม​ที่ป​ ระชาชนม​ ี​ความส​ ุข​มากท​ ี่สุด นโยบาย​สาธารณะ​ที่ด​ ​ี
ที่สุด คือ นโยบายท​ ี่​สร้าง​ความส​ ุข​มากท​ ี่สุด และ​ในร​ ะดับ​บุคคล การกร​ ะ​ทำท​ ี่​ถูก​ต้อง​ตามจ​ ริยธรรมเ​ป็นส​ ิ่ง​ที่​สร้าง​ความ​
สุข​มาก​ที่สุด และ​ได้​เสนอ​แนวคิด “อรรถประโยชน์ (utility)” ว่า​เป็น​เป้า​หมาย​สูงสุด​ใน​วงจร​ชีวิต​ทาง​เศรษฐศาสตร์
กล่าว​คือ อรรถประโยชน์​เป็น​ความ​สุข ความ​พึง​พอใจ​ที่​ปัจเจก​ชน​ได้​จาก​การ​บริโภค​สินค้า​หรือ​บริการ ทั้งนี้ เบน​แธม​
ให้ค​ วามส​ ำคัญก​ ับก​ ารเ​พิ่มอ​ รรถประโยชน์​ทาง​สังคม (social utility) หรือส​ วัสดิการ​สังคม (social welfare) มากกว่า​
อรรถประโยชน์ส​ ่วน​บุคคล (individual utility) ซึ่ง​เขาม​ อง​ว่า ใน​การท​ ี่​บุคคล​จะ​มีค​ วามส​ ุข​เพิ่มข​ ึ้น​หรือล​ ด​ลง​ควรเ​ป็น​
หน้าที่​ของร​ ัฐ และค​ วาม​สุข​มวลร​ วมส​ ำคัญ​กว่าค​ วามส​ ุข​ส่วนบ​ ุคคล3

       อาจ​กล่าวไ​ด้​ว่า แนวค​ วาม​คิดเ​รื่อง “ความส​ ุข” ในช​ ่วงก​ ่อนศ​ ตวรรษท​ ี่ 19 นั้น เน้นท​ ี่ก​ ารส​ ร้างส​ ุขข​ องส​ ังคมโ​ดย​
รวมม​ ากกว่าค​ วามส​ ุขส​ ่วนต​ น และก​ ารส​ ร้างค​ วามส​ ุขด​ ังก​ ล่าวว​ างอ​ ยูบ่​ นร​ ากฐานข​ องค​ วามค​ ิดท​ ีถ่​ ูกต​ ้อง ดงี​ าม มเี​หตมุ​ ผี​ ล
เนื่องจากว​ ่าส​ ภาพก​ ารเมือง สังคม และเ​ศรษฐกิจใ​นข​ ณะน​ ั้นเ​รียบง​ ่าย ลักษณะข​ องเ​มืองถ​ ึงแ​ ม้ว่าเ​ริ่มม​ ีก​ ารข​ ยายต​ ัวแ​ ละ​
พัฒนาร​ ะบบส​ าธารณูปโภค สาธารณูปการ แต่​ก็​ยังไ​ม่​ถึงข​ นาด​ซับซ​ ้อนว​ ุ่นวาย ดัง​นั้น แนวทาง​การ​สร้าง​ความ​สุข​ผ่าน​
ระบบส​ วัสดิการ​ของร​ ัฐ​จึงไ​ม่ใช่เ​รื่องย​ าก

       แนวคิด​เรื่อง​อรรถประโยชน์​และ​ความ​สุข​ดัง​กล่าว​มี​ผล​ต่อ​เนื่อง​ต่อ​แนวทาง​การ​พัฒนา​เศรษฐกิจ​และ​สังคม
และน​ โยบาย​สาธารณะ​ใน​ระยะ​ต่อม​ า โดยเ​ฉพาะ​ในเ​รื่อง​การป​ ฏิรูปส​ ังคม​และก​ ารพ​ ัฒนา​รัฐส​ วัสดิการ (welfare state)
อย่างไรก​ ็ตาม การป​ ระยุกต์ใ​ชแ้​ นวคิดเ​รื่องค​ วามส​ ุขเ​พื่อก​ ารพ​ ัฒนาน​ ี้ มักจ​ ะม​ ุ่งเ​น้นท​ ีก่​ ารเ​พิ่มร​ ายไ​ดต้​ ่อห​ ัว โดยม​ พี​ ื้นฐ​ าน​
แนว​ความ​คิด​ที่​ว่า ราย​ได้​สามารถ​ตอบ​สนอง​ความ​ต้องการ​ขั้น​พื้น​ฐาน​ด้าน​วัตถุ​ของ​คน​ได้ และ​ทำให้​คน​มี​ความ​สุข
เ​พิ่มข​ ึ้น

         3 แต่​ผู้​ที่​ทำให้​คำ​ว่า utilitarian (อรรถประโยชน์) ใช้​กัน​แพร่​หลาย​มาก​ขึ้น คือ จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) ใน​ช่วง
ค.ศ. 1806–1873 ซึ่งเ​ป็นล​ ูก​ศิษย์ข​ องเ​บน​แธม โดยเ​ฉพาะใ​น​ประเด็น​ที่เ​กี่ยว​กับ​ความ​สุข​และส​ ังคม โด​ยมิลล์​เสนอค​ วามเ​ห็น​ว่า ความส​ ุข​ของส​ ังคม​
จะ​บังเกิด​ขึ้น​ได้​เมื่อ​คนใน​สังคม​สามารถ​แสวงหา​ความ​สุข​ได้​อย่าง​อิสระ ดัง​นั้น รัฐ​ควร​ให้​เสรีภาพ​แก่​บุคคล​ใน​การ​เลือกสรร​ความ​สุข​ด้วย​ตัว​ของ​
ตัวเ​อง http://www.utilitarianism.com/mill2.htm	

                             ลขิ สิทธ์ิของมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69