Page 66 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 66
11-14 พฤติกรรมมนุษย์แ ละจริยธรรมท างเศรษฐกิจแ ละธ ุรกิจ
จริงของบุคคล ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะเพียงการบรรลุผลในสิ่งที่ชอบมากกว่าตามทฤษฎีอรรถประโยชน์นิยมแบบ
นีโอคลาสิกเท่านั้น แต่ “การทำหน้าที่” ยังร วมถึงก ารบรรลุความพึงพ อใจ ความสุข และความสามารถลักษณะอื่นๆ
เช่น เสรีภาพ ทักษะ และอ ำนาจในทางบ วก เป็นต้น
นอกจากน ั้น ในช ่วงเวลาด ังก ล่าว แนวทางก ารพ ัฒนาค วามส ุขย ังได้พ ิจารณาร อบด ้านท ั้งป ัจเจกช นแ ละส ังคม
มากขึ้น โดยมีท ฤษฎีท างเลือกส าธารณะ (public choice theory) และค ุณธรรมจริยธรรมของปัจเจกชน (personal
morality) เป็นสองแนวทางที่สำคัญต่อการกำหนดแนวทางการยกระดับความอยู่ดีกินดี (well-being) ของคนใน
สังคม รวมทั้งยังได้นำแนวความคิดเรื่องคุณธรรม (moral) ความสมเหตุสมผล (rationality) สิทธิ (rights) และ
เสรีภาพ (freedom) เข้าไว้ในก ารศึกษาด ้านความสุขอ ีกด้วย เนื่องจากเล็งเห็นว่า แต่ละสังคมมีสภาพปัญหาต ่างๆ กัน
ไป และม นุษย์แ ต่ละค นม ีความสามารถท ี่จะเพิ่มหรือล ดระดับข องอ รรถประโยชน์ข องเขาเอง ดังน ั้น ความม ีคุณธรรม
จริยธรรม ความสมเหตุสมผล เสรีภาพ การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสิทธิในการเลือกต่างๆ จึงเป็นส่วนสำคัญในการ
พัฒนาอรรถประโยชน์ของเขา4 ดังนั้น การพัฒนาแนวคิดเรื่องความสุขจึงขยายตัวกว้างขวางมากขึ้นจนถึงในระดับ
ผู้วางนโยบายของประเทศในอันที่จะเพิ่มบทบาทของสวัสดิการสังคม ขยายทางเลือกสาธารณะ รวมทั้งเพิ่มสิทธิและ
เสรีภาพให้แ ก่พลเมืองข องประเทศ
กล่าวโดยสรุป จะเห็นได้ว ่า “ความสุข” ไม่ใช่มุมมองหรือแนวคิดใหม่ เพราะม ีวิวัฒนาการมาย าวนานเกือบ
2,000 ปมี าแ ล้ว หากแ ตว่ า่ ในโลกย ุคก อ่ น ครศิ ตก าล ความซ บั ซ ้อนท างก ายภาพ การพ ัฒนาด า้ นต ่างๆ อาทิ ดา้ นเศรษฐกิจ
สังคม การเมือง การปกครองม ีไม่มากน ัก รวมท ั้งส ภาวะแวดล้อมอยู่ในสภาพที่เหมาะส ม ดังน ั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากท ี่จะ
สร้างค วามส ุขในป ัจเจกชนแ ละส ังคมโดยรวม ต่อม าในช ่วงต ้นศตวรรษท ี่ 19 เมื่อส ังคมม ีความซับซ ้อนขึ้นส ืบเนื่องม า
จากการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เกิดสังคมเมืองและสังคมอุตสาหกรรมอันแตกต่างจากสังคมแบบดั้งเดิม
ปัญหาสังคมที่มาจากการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น ปัญหาความยากจน ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้และ
โอกาสในก ารเข้าถึงแ หล่งท รัพยากร ความไม่รู้ห นังสือ และปัญหาอ ื่นๆ ดังน ั้น การพ ัฒนาความส ุขจึงค วบคู่ไปก ับก าร
พัฒนาด้านเศรษฐกิจ และมีความซับซ้อนมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์เป็นกลุ่มห ลักในการพัฒนาความส ุขด ้วยแนวคิดที่
ว่าความสุขส ามารถเพิ่มได้ (maximizing utility) ด้วยกลไกทางเศรษฐกิจและสวัสดิการข องร ัฐ ซึ่งก ารพัฒนาค วาม
สุขว ิธีนี้ ทำให้เน้นด ้านการพัฒนาเศรษฐกิจแ ละก ารกร ะจายร ายได้ แต่ไม่ได้คำนึงถ ึงการพ ัฒนาจ ิตใจ ของค นในสังคม
ทำให้ค นก ลายเป็นนักบ ริโภคน ิยมและว ัตถุนิยมแต่ข าดคุณธรรมจริยธรรม
3. แนวคดิ เก่ียวก บั ค วามส ุขในศตวรรษที่ 21
โลกในยุคปัจจุบันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยง
หลากหลายมิติเข้าด้วยกัน ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมภายในแต่ละพื้นที่และเชื่อมโยงต่อเนื่องกับ
ภายนอกด้วย อาทิ ความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจ การผสมผสานกลมกลืนทางวัฒนธรรม ความขัดแย้ง
ระหว่างชาติพันธุ์ ภาวะโลกร ้อน คนห ันมาให้ความสำคัญกับก ารบ ริโภคน ิยมและก ารเปลี่ยนแปลงทางด้านอ ื่นๆ เพิ่ม
มากขึ้น การศึกษาค วามส ุขในโลกศ ตวรรษท ี่ 21 นี้ จึงมีการพัฒนาอ ย่างก ว้างข วางม ากย ิ่งข ึ้น จากเดิมท ี่มีนักคิดทาง
ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และส ังคมศาสตร์ เป็นผ ู้ร ิเริ่มแ นวคิดเรื่องค วามส ุข ในศ ตวรรษท ี่ 21 ไดม้ กี ารผ สมผ สานแ นวคิด
ทางด ้านจิตวิทยา ประสาทวิทยา และสังคมวิทยาร ่วมด ้วย และจากเดิมท ี่ผู้นำทางค วามค ิดเป็นนักคิดข องประเทศใน
ยุโรป ก็ขยายตัวเป็นน ักค ิดทั่วโลก โดยม ีน ักคิดท ี่สำคัญ ได้แก่ รัท วีนโฮเวน (Ruut Veenhoven) ริชาร์ด เลยาร์ด
(Richard Layard) และร ิช าร์ด เอสเทอร์ลิน (Richard Easterlin)
4 อ่านเพิ่มเติมได้จ าก Sen and Williams (ed.), Utilitarianism and Beyond.
ลขิ สทิ ธิ์ของมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช