Page 152 - การผลิตสัตว์
P. 152
11-24 การผลิตสัตว์
กิจกรรม 11.2.1
จงบ อกถ ึงค วามส ำคัญและประโยชน์ของการเล้ยี งน กกระทา
แนวต อบก จิ กรรม 11.2.1
ความส ำคัญแ ละป ระโยชนข์ องก ารเล้ยี งน กก ระทามี 4 ประการ คอื
1. ไขน่ กก ระทา เปน็ อาหารท ี่มีคณุ ค่าม าก โดยเฉพาะเป็นแ หลง่ ข องโปรตีน
2. เน้ือนกกระทา ได้จากทั้งนกกระทาเพศผู้และเพศเมียท่ีถูกคัดออกจากนกไข่ เป็นแหล่งอาหาร
โปรตีน
3. สัตว์ทดลองทางว ิทยาศาสตร์
4. มลู เป็นส งิ่ ท ่ีเหลือท้งิ จ ากก ารเลี้ยง ใช้เป็นปุย๋ เพือ่ ใสต่ น้ ไม้
เรื่องที่ 11.2.2
พันธ์นุ กกระทา
การเลี้ยงนกกระทาในประเทศไทย เดิมมีการเลี้ยงนกกระทาพันธุ์พื้นเมือง แต่ด้วยมีข้อจำกัดที่ให้ปริมาณ
ไข่แ ละให้เนื้อน ้อย จึงได้ม ีการนำเข้านกกระทาพันธุ์ญี่ปุ่น (Japanese Quail) โดยนายร วม สง่าเมือง เป็นบุคคลแรก
ที่สั่งนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นการค้าในช่วง พ.ศ. 2490–2498 เนื่องจากนกกระทาญี่ปุ่นให้ไข่ดก ไข่เร็ว เลี้ยงง่าย
แข็งแรง มีปัญหาเรื่องโรคน้อย สำหรับนกกระทาไข่ที่ถูกคัดทิ้งแ ละนกก ระทาเพศผู้จ ะถ ูกเลี้ยงเป็นน กกระทาเนื้อเพื่อ
การบริโภค
ลกั ษณะทั่วไปของนกก ระทาญ ีป่ ุ่น
นกกระทาญี่ปุ่น เป็นนกกระทาพันธุ์ที่เลี้ยงเพื่อเอาไข่ขายเป็นการค้า มีขนาดตัวเท่ากับกำปั้นขนาดกลาง
สีขนลายน้ำตาลเข้ม เมื่อลูกนกมีอายุ 3 สัปดาห์ จะสามารถเห็นความแตกต่างระหว่างเพศผู้และเพศเมียได้ โดย
นกกระทาเพศผู้จะมีสีและลวดลายของขนบริเวณคอถึงหน้าอกเป็นสีน้ำตาลปนแดง หรือสีน้ำตาลปนดำ ส่วนเพศ
เมียมีสีขนบริเวณคอเป็นสีน้ำตาลอ่อน อาจมีลายน้ำตาลปนเทา หรือน้ำตาลปนดำ นอกจากนี้ในนกเพศผู้ ที่บริเวณ
ก้นจะเป็นกระเปาะพอง เพราะมีต่อมผลิตน้ำเชื้อ ซึ่งถ้าอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ เมื่อบีบค่อยๆ จะมีน้ำสีขาวเป็นฟอง
ออกม า และเมื่อป ลิ้นทวารจะเห็นติ่งเล็กๆ
ลขิ สิทธิข์ องมหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช