Page 49 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 11
P. 49
การวิเคราะห์แ ละการแปลผลข ้อมูล 11-39
ตารางท่ี 11.10 ผลก ารท ดสอบส มมตฐิ านว า่ พฤตกิ รรมจ ติ อ าสาข องน กั เรยี นห ลงั ไ ดร้ บั ก ารจ ดั การเรยี นร ตู้ ามหลกั สตู ร
เศรษฐกิจพ อเพียงส ูงก วา่ ก่อนไ ดร้ บั การจ ัดการเรยี นรตู้ ามห ลักสตู รเศรษฐกิจพ อเพยี ง
คะแนนพฤตกิ รรมจิตอาสา คา่ เฉลย่ี SD t p (one tailed)
10.062 .000
ก่อนการจัดการเรียนรู้ 52.37 6.85
หลังการจัดการเรียนรู้ 57.57 5.14
ผลต่าง 5.20 4.00
จากต ารางท ี่ 11.10 พบว า่ คา่ เฉลีย่ ค ะแนนพ ฤตกิ รรมจ ติ อ าสาข องน กั เรยี นก อ่ นไดร้ บั ก ารจ ดั การเรยี นร ู้
ตามหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงเท่ากับ 52.37 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 6.85 และค่าเฉลี่ยคะแนน
พฤติกรรมจิตอาสาของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง เท่ากับ 57.57
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 5.14 ค่าเฉลี่ยของผลต ่างเท่ากับ 5.20 ส่วนเบี่ยงเบนม าตรฐาน เท่ากับ 4.00
จากก ารทดสอบความแตกต ่างข องค่าเฉลี่ยด้วย t-test ได้ค ่า t = 10.062 มีนัยส ำ�คัญท างส ถิติที่ร ะดับ 0.05
(หมายความว่าค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมจิตอาสาของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร
เศรษฐกิจพอเพียงส ูงก ว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนร ู้ต ามห ลักสูตรเศรษฐกิจพ อเพียงอย่างม ีน ัยส ำ�คัญ)
ข้อส ังเกตบางป ระการในก ารทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลย่ี
1. การท ดสอบ t-test มีตัวแปรต าม 1 ตัว และต ้องเป็นตัวแปรเชิงป ริมาณ (metrics variable)
ตัวแปรต้น 1 ตัวและต ้องเป็นตัวแปรจัดประเภท (categorical variable) มีได้ 2 ค่า หรือ 2 กลุ่ม
2. ตัวอย่างต้องสุ่มมาจากประชากร ซึ่งเป็นไปได้ยากในการวิจัยทางการศึกษาที่มักเลือกตัวอย่าง
ตามสะดวก ทำ�ให้ม ีการฝ ่าฝืนข ้อต กลงเบื้องต ้น การใช้กลุ่มตัวอย่างข นาดใหญ่ และข นาดไม่ต่างก ันม ากใน
แต่ละกลุ่มจะทำ�ให้ก ารทดสอบด้วย t–test มีความแกร่ง แม้ฝ ่าฝืนข้อต กลงเบื้องต ้น (Muijs. 2011: 119)
3. การทดสอบด้วย t-test ที่มีนัยสำ�คัญมิได้บอกว่าตัวแปรต้นมีอิทธิพลต่อตัวแปรตามมาก
หรือน้อย (strong or weak) เนื่องจากการมีนัยสำ�คัญขึ้นกับองค์ประกอบ 3 ประการ คือ (McMillam.
2012: 253)
(1) ขนาดของผลต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม ถ้าผลต่างของค่าเฉลี่ยมี
ขนาดใหญ่ ความน ่าจะเป็นท ี่จ ะปฏิเสธสมมติฐานว่างก ็ย ิ่งม าก
(2) ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง ถ้ากลุ่มตัวอย่างยิ่งมีขนาดใหญ่ความน่าจะเป็นที่จะปฏิเสธ
สมมติฐานว ่างก ็ยิ่งม าก
(3) ระดับความคลาดเคลื่อนของการสุ่มตัวอย่างและการวัด ถ้ากลุ่มตัวอย่างยิ่งมีระดับ
ความคลาดเคลื่อนม ากค วามน ่าจ ะเป็นที่จ ะป ฏิเสธสมมติฐานว ่างก ็ยิ่งมาก
ดังน ั้น นักวิจัยจ ึงจ ำ�เป็นต้องคำ�นวณข นาดข องอิทธิพล (effect size) ซึ่งมีชื่อเรียกว ่า Cohen’s d
จากส ูตรต่อไปน ี้ (McMillam. 2012: 256)