Page 47 - การพัฒนาบทเรียนและสื่อการสอนภาษาอังกฤษ
P. 47

2-37

เฉลยแ​ บบป​ ระเมนิ ​ผลต​ นเองห​ น่วย​ท่ี 2

กอ่ นเรยี นและหลังเรียน

       1.	 การเ​รียนร​ ู้เ​ป็น​กิจกรรมท​ ี่เ​กิดข​ ึ้น​ได้​ตลอด​ชีวิต เกิดไ​ด้​ทุกแ​ ห่ง​ทุกเ​วลา แหล่ง​การ​เรียนร​ ู้​ต่าง ๆ มี​
มากมาย กว้าง​ไกล​ทั่ว​โลก มนุษย์​มีก​ าร​เรียน​รู้​ได้ท​ ุก​เรื่องต​ ่อเ​นื่องย​ าวนานต​ ลอด​ชีวิต การ​เรียนร​ ู้​เกิด​ได้​ตั้งแต​่
อยู่​ใน​ครรภ์​มารดา เช่น การ​ให้​ฟังด​ นตรี การ​นับเ​ลข การพ​ ูดค​ ุย รวม​ทั้ง​เรื่องข​ อง​ภาษา เด็กท​ ี่​ได้​รับ​การก​ระต​ ุ้น​
อย​ ่างเ​หมาะส​ มต​ ั้งแตก่​ ่อนเ​กิด สามารถช​ ่วยใ​ห้ส​ มองไ​ดร้​ ับก​ ารพ​ ัฒนาอ​ ย่างม​ ีป​ ระสิทธิภาพ การเ​รียนร​ ูเ้​ป็นเ​รื่อง​
ที่​กว้าง​มาก เป็นการเ​ปลี่ยนแปลงพ​ ฤติกรรม​ค่อน​ข้าง​ถาวร อัน​เป็น​ผล​มา​จาก​การ​ฝึกฝน เมื่อ​ได้​รับ​การ​เสริม​
แรง ไม่ใช่​เป็น​ผล​จาก​การ​ตอบ​สนอง​ตาม​ธรรมชาติ ไม่ใช่​การ​เปลี่ยนแปลง​พฤติกรรม​ชั่ว​ครั้ง​ชั่วคราว​เท่านั้น
โดย​การ​เปลี่ยนแปลง​พฤติกรรม​จะ​ทำ�ให้​เกิด​การ​พัฒนา​ใน​ด้าน​ความ​รู้​ต่าง ๆ ใน​ด้าน​การ​เรียน​การ​สอน การ​
เรียนร​ ู้ม​ ีค​ วามส​ ำ�คัญแ​ ละม​ ีค​ วามห​ มายต​ ่อผ​ ู้เ​รียน เมื่อเ​กิดก​ ารเ​รียนร​ ู้ใ​นส​ ิ่งท​ ีผ่​ ูเ้​รียนต​ ้องการห​ รือส​ นใจจ​ ะท​ ำ�ให​้
เกิด​ประโยชน์​กับผ​ ู้เ​รียน เนื่องจาก​เกิดก​ าร​เรียน​รู้ท​ ี่เ​หมาะก​ ับ​สิ่ง​ที่ผ​ ู้เ​รียน​ต้องการ จะท​ ำ�ให้ก​ ารเ​รียนร​ ู้น​ ั้น​จะ​ยิ่ง​
มี​ประโยชน์​กับ​ผู้​เรียน การ​เรียน​รู้​ใน​สิ่ง​เดียวกัน​อาจ​มี​ความ​แตก​ต่าง​กัน​ถ้า​บุคคล​มี​ความ​ต่าง​กัน การ​เรียน​รู้​
อาจ​ไม่​เท่า​กัน เนื่องจาก​มี​ความ​สามารถ​แตก​ต่าง​กัน อีก​ทั้ง​มี​ความ​สนใจ​และ​มี​ความ​รู้​หรือ​ประสบการณ์​เดิม​
ที่ต​ ่าง​กัน

       2.	 การป​ ระยุกต์ใ​ช้ท​ ฤษฎีก​ ารเ​รียนร​ ู้พ​ ฤติกรรมน​ ิยมข​ องส​ กินเ​นอร​ ์ (Skinner) ในเ​รื่องข​ องก​ ารเ​สริม​
แรงแ​ ละก​ าร​ทำ�โทษ มี​ดังนี้

            1)	 ผู้ส​ อนไ​มใ่​ชก้​ ารท​ ำ�โทษเ​พื่อข​ จัดพ​ ฤติกรรม​อันไ​มเ่​ป็นท​ ีต่​ ้องการ เนื่องจาก​การท​ ำ�โทษม​ ักจ​ ะ​
มี​สิ่ง​ที่​ไม่​ดี​ติดตาม​มา​ด้วย​หลาย​อย่าง แต่​จะ​ใช้​การ​ทำ�โทษ​เพื่อ​ใช้​กำ�จัด​พฤติกรรม​ที่​พึง​ประสงค์ เช่น ​ผู้​เรียน​
ออกเ​สียง​ภาษาอ​ ังกฤษ​ผิด​เป็น​ประจำ� ในฐ​ านะ​ครู​ผู้​สอน​ให้ผ​ ู้เ​รียน​ออก​เสียง​นั้น ๆ ซํ้า ๆ หลาย ๆ รอบ และ​
จะ​เพิ่มจ​ ำ�นวน​ครั้ง​การ​ออกเ​สียงอ​ ีก ถ้าผ​ ู้​เรียน​ยัง​ออกเ​สียงผ​ ิดอ​ ยู่

            2)	 ไมเ่​สริมแ​ รงพ​ ฤติกรรมท​ ีไ่​มเ่​ป็นท​ ีพ่​ ึงป​ รารถนา ยกต​ ัวอย่างเ​ช่น ในห​ ้องเรียนม​ เี​ด็กน​ ักเรียน​
บางค​ นช​ อบย​ กมือข​ อต​ อบแ​ ละแ​ กล้งอ​ อกเ​สียงภ​ าษาอ​ ังกฤษผ​ ิดเ​ป็นป​ ระจำ� เพื่อ​เรียกร​ ้องค​ วามส​ นใจจ​ ากเ​พื่อน​
ในห​ ้อง ผู้ส​ อนอ​ าจท​ ำ�ให้ผ​ ู้เ​รียนเ​กิดค​ วามท​ ้อถอย ไม่อ​ ยากย​ กมือต​ อบ เนื่องจากผ​ ู้ส​ อนไ​ม่ย​ อมถ​ ามเ​มื่อผ​ ู้เ​รียน​
ยกมือ​หลาย ๆ ครั้ง การ​ทำ�โทษ​ใน​ลักษณะ​นี้​เป็นการ​เก็บอ​ าการ​ตอบส​ นอง​อัน​นั้น​ไว้ช​ ั่วคราวเ​ท่านั้น และถ​ ้า​มี​
การใ​ชซ้​ ํ้า ๆ บ่อย ๆ แล้ว การเ​ก็บก​ ดน​ ั้นอ​ าจเ​ป็นการเ​ก็บก​ ดท​ ีถ่​ าวรต​ ลอดไ​ปไ​ด้ พฤติกรรมน​ ั้นจ​ ะย​ ังค​ งอ​ ยู่ และ​
พร้อม​ที่จ​ ะ​ปรากฏอ​ อก​มา​อีก ใน​ทาง​กลับ​กันก​ ารป​ ล่อยป​ ละ​ละเลย​ไม่เ​อาใจ​ใส่​พฤติกรรมอ​ ัน​ไม่เ​ป็นท​ ี่​ต้องการ
ผู้​เรียนย​ ่อมส​ ามารถส​ ังเกตเ​ห็นไ​ด้ว​ ่า ผู้ส​ อนท​ ำ�​เป็น​ไม่​สนใจ ทำ�​เป็นม​ อง​ไม่เ​ห็น เท่ากับเ​ป็นการ​เสริม​แรง การ​
ที่ผ​ ู้​สอน​ทำ�​เป็นไ​ม่เ​อาใจ​ใส่ ไม่​สามารถย​ ุติพ​ ฤติกรรม​นั้น​ได้ และม​ ัก​ใช้​ไม่ไ​ด้ผ​ ล เนื่องจากผ​ ู้เ​รียน​ทราบไ​ด้​เป็น​
อย่างด​ ีว​ ่าพ​ วกเ​ขาก​ ำ�ลังไ​ด้ร​ ับค​ วามส​ นใจต​ าม​ที่​ต้องการ ในก​ าร​ขจัดพ​ ฤติกรรม​อัน​ไม่​เป็นท​ ี่ต​ ้องการ ผู้​สอน​จะ​
   42   43   44   45   46   47   48   49   50