Page 44 - การพัฒนาบทเรียนและสื่อการสอนภาษาอังกฤษ
P. 44

2-34

แนวต​ อบก​ จิ กรรม 2.2.4
       ทฤษฎี​กลุ่ม​นี้​มี​กระบวนการ​เรียน​รู้​ด้วย​การ​สังเกต​หรือ​การ​เรียน​รู้​จาก​ตัว​แบบ เมื่อ​บุคคล​นั้น​สนใจ​

พฤติกรรม​ของ​ตัว​แบบ​แล้ว จะบัน​ทึก​สิ่ง​ที่​สังเกต​ไว้​ใน​ระบบ​ความ​จำ�​ของ​ตน โดย​อาจ​จดจำ�​เป็น​ภาพ​ต่าง ๆ
เกี่ยวก​ ับ​ขั้น​ตอนก​ าร​แสดงพ​ ฤติกรรม การ​แสดงพ​ ฤติกรรมต​ ามต​ ัว​แบบ (reproduction) ผู้​เรียน​ลองป​ ฏิบัต​ิ
ตามต​ ัวแ​ บบ อาจต​ ้องม​ ีก​ ารท​ ำ�​ซํ้าห​ ลายค​ รั้ง เพื่อน​ ำ�​ข้อมูลไ​ปใ​ช้ป​ รับปรุงพ​ ฤติกรรมข​ องต​ นเองใ​ห้ไ​กล้เ​คียงห​ รือ​
เหมือนก​ ับพ​ ฤติกรรมต​ ัวแ​ บบใ​หม้​ ากท​ ี่สุด จากน​ ั้นท​ ำ�การฝ​ ึกฝน จะท​ ำ�ใหพ้​ ฤติกรรมท​ ีก่​ ระทำ�​เหมือนพ​ ฤติกรรม​
ของต​ ัวแ​ บบม​ ากย​ ิ่งข​ ึ้น เป็นการต​ รวจส​ อบก​ ารเ​รียนร​ ู้ท​ ี่ไ​ด้จ​ ดจำ�​ไว้ การจ​ ูงใจแ​ ละก​ ารเ​สริมแ​ รงเ​ป็นข​ ั้นแ​ สดงผ​ ล​
ของก​ ารกร​ ะท​ �ำ ​จากก​ ารแ​ สดงพ​ ฤตกิ รรมต​ ามต​ วั แ​ บบ ถา้ ผ​ ลท​ ตี​่ วั แ​ บบเ​คยไ​ดร​้ บั เ​ปน็ ไ​ปใ​นท​ ศิ ทางบ​ วก จะจ​ งู ใจใ​ห​้
ผูเ้​รยี นอ​ ยากแ​ สดงพ​ ฤตกิ รรมต​ ามแ​ บบน​ ั้น แตถ​่ า้ เ​ป็นไ​ปใ​นท​ ิศทางล​ บ ผูเ้​รียนม​ ักจ​ ะง​ ดเ​วน้ ก​ ารแ​ สดงพ​ ฤติกรรม​
นั้น ทฤษฎีป​ ัญญา​สังคม​มี 3 หลัก​การ ดังนี้

       1.	 กระบวนการ​ทางป​ ัญญา และท​ ักษะ​การต​ ัดสินใ​จ​ของผ​ ู้เ​รียน ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่ผ​ ู้​เรียน​ต้อง​คำ�นึง​ถึง
       2.	 การ​เรียน​รู้ต​ ้องม​ ีอ​ งค์ป​ ระกอบ 3 ประการ คือ ระหว่าง​ตัว​บุคคล สิ่ง​แวดล้อม และพ​ ฤติกรรม
       3.	 ผล​ของ​การ​เรียน​รู้​กับ​การแ​ สดงออกอ​ าจจ​ ะแ​ ตก​ต่างก​ ัน เช่น ผลข​ อง​การกร​ ะ​ทำ�​ด้าน​บวก เมื่อม​ ี​
การ​เรียนร​ ู้แ​ ล้วอ​ าจ​เกิดก​ ารแ​ สดงพ​ ฤติกรรมเ​ลียน​แบบ แต่ผ​ ลก​ ารก​ระท​ ำ�​ด้านล​ บ อาจม​ ีก​ ารเ​รียนร​ ู้​เกิดข​ ึ้น แต​่
ไม่มีก​ าร​เลียน​แบบ​พฤติกรรมน​ ั้น ๆ
       การป​ ระยุกต์​ใช้ท​ ฤษฎี​ใน​การเ​รียนก​ าร​สอน
       การเ​สริมแ​ รงแ​ ละก​ ารล​ งโทษ มีผ​ ลต​ ่อพ​ ฤติกรรมแ​ ละก​ ารเ​รียนร​ ู้ข​ องบ​ ุคคลท​ างอ​ ้อมม​ ากกว่าท​ างต​ รง
นั่นค​ ือ ไม่จ​ ำ�เป็นต​ ้องไ​ด้ร​ ับก​ ารเ​สริมแ​ รงห​ รือก​ ารล​ งโทษจ​ ากก​ ารก​ระท​ ำ�​ของ​ตนเองโ​ดยตรง เพียงแ​ ต่ไ​ด้ส​ ังเกต​
เห็น​การไ​ด้​รับ​การเ​สริมแ​ รง​หรือ​การถ​ ูก​ลงโทษ​จากก​ ารก​ระ​ทำ�​ของ​บุคคลอ​ ื่น ก็​สามารถก​ ำ�หนด​ความ​คาดห​ วัง​
ให้​กับ​ตนเอง​ใน​อนาคต​ได้​ว่า​ถ้า​ทำ�​เช่น​นั้น​ผล​จะ​ออก​มา​เช่น​ไร ซึ่ง​ควม​คาด​หวัง​มี​ผล​ต่อ​การ​เลือก​พฤติกรรม​
ของบ​ ุคคล​นั้น​ในอ​ นาคตอ​ ย่างม​ าก อีก​ทั้งก​ าร​หา​ตัว​แบบ​ใน​ชั้นเ​รียน ไม่ค​ วร​จำ�กัด​ไว้​ที่ผ​ ู้​สอนเ​ท่านั้น แต่ค​ วรใ​ช้​
ผู้เ​รียนด​ ้วยก​ ันเองเ​ป็นต​ ัวแ​ บบใ​นบ​ างก​ รณี เนื่องจากเ​พื่อนใ​นช​ ั้นเ​รียนย​ ่อมม​ ีอ​ ิทธิพลต​ ่อก​ ารเ​ลียนแ​ บบ และห​ า​
รูปแ​ บบ​ที่ห​ ลากห​ ลายใ​ห้​ผู้​เรียน​ได้เ​รียน​รู้

แนวต​ อบ​กจิ กรรม 2.2.5
       ทฤษฎพี​ ัฒนาการท​ างเ​ชาวป์​ ัญญาข​ องไ​วก​ ็อทส​ กีเ้​ป็นร​ ากฐานท​ ีส่​ ำ�คัญข​ องท​ ฤษฎกี​ ารส​ ร้างค​ วามร​ ูด้​ ้วย​

ตนเอง เป็นก​ระบ​ วน​รู้คิด​ของส​ มองใ​น​การ​ปรับ เปลี่ยน ลด ตัด​ทอน ขยาย จัด​เก็บ และใ​ช้ข​ ้อมูลต​ ่าง ๆ ที่ร​ ับ​
เข้า​มา​ทาง​ประสาท​สัมผัส ซึ่ง​อาจ​จะ​เกิด​หรือ​ไม่​เกิด​จาก​การก​ระ​ตุ้​นข​อง​สิ่ง​เร้า​ภายนอก​ก็ได้ ดัง​นั้น การ​รู้สึก
การ​รับร​ ู้ จินตนาการ การ​ระลึก​ได้ การ​จำ� การ​คง​อยู่ การแ​ ก้ป​ ัญหา การค​ ิด​และ​อื่น ๆ อีก​มาก จึงถ​ ือ​ได้​ว่าเ​ป็น​
ส่วน​หนึ่ง​ของ​กระบวนการ​รู้คิด​นี้ กล่าว​คือ เมื่อ​มี​การ​วัด​พัฒนาการ​ทาง​เชาว์​ปัญญา​ของ​เด็ก เรา​มัก​ใช้​
แบบท​ ดสอบม​ าตรฐานใ​น​การ​วัด เพื่อ​ดู​ว่าเ​ด็กอ​ ยู่ใ​น​ระดับใ​ด โดย​ดูว​ ่า​สิ่งท​ ี่เ​ด็ก​ทำ�ได้น​ ั้นเ​ป็นส​ ิ่งท​ ี่เ​ด็ก​ในร​ ะดับ​
อายุ​เท่าใด​โดย​ทั่วไป​สามารถ​ทำ�ได้ ดัง​นั้น​การ​วัดผล​จึง​เป็นการ​บ่ง​ถึง​บอก​ถึง​สิ่ง​ที่​เด็ก​ทำ�ได้​อยู่​แล้ว​คือ เป็น​
ระดับ​พัฒนาการ​ที่​เด็ก​บรรลุ​หรือ​ไป​ถึง​แล้ว ดัง​นั้น​ข้อ​ปฏิบัติ​ที่​ทำ�​กัน​อยู่​ก็​คือ การ​สอน​ให้​สอดคล้อง​กับ​ระดับ​
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49