Page 26 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 26

4-16 ความรู้ทางสงั คมศาสตร์และเทคโนโลยีส�ำ หรับนักนเิ ทศศาสตร์

เร่ืองท่ี 4.1.3
ระบบการเมืองการปกครองไทย

       การเมอื งเปน็ เรอื่ งทเี่ กย่ี วกบั การแขง่ ขนั เพอื่ แสวงหาอำ� นาจ ซงึ่ สง่ ผลกระทบตอ่ สงั คมสว่ นรวม สว่ น
การปกครองเปน็ เรอ่ื งทเี่ กย่ี วกบั การบรหิ ารวางระเบยี บกฎเกณฑส์ ำ� หรบั สงั คมเพอื่ สรา้ งความเสมอภาค เปน็
ธรรมแก่สังคม เพอื่ ใหส้ ังคมมีความสงบสขุ หรอื เพ่ือใหเ้ กดิ การบำ� บัดทุกขบ์ �ำรุงสุข

       การเมืองและการปกครองจะมีความเก่ียวข้องเช่ือมโยงกัน เพราะการปกครองจ�ำเป็นต้องอาศัย
อ�ำนาจคือการเมืองจึงจะสามารถด�ำเนินการได้ส�ำเร็จ ดังนั้นการศึกษาเรื่องการเมืองการปกครองจึงเป็น
การศึกษาเร่ืองการใช้อ�ำนาจและระเบียบกฎเกณฑ์การใช้อ�ำนาจทางการบริหาร จากพัฒนาการของระบบ
การเมืองการการปกครองของไทยสามารถแบง่ ออกเป็น 4 ระบบ ส�ำคญั ดังน้ี

1. 	 ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

       ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือ ระบบการปกครองท่ีมีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองและมีสิทธิขาดใน
การบริหารประเทศ ในระบบการปกครองนี้ กษตั ริย์ก็คอื กฎหมาย กลา่ วคอื ที่มาของกฎหมายทั้งปวงอยู่
ทก่ี ษัตริย์ ค�ำส่ัง ความต้องการต่างๆ ลว้ นมีผลเป็นกฎหมาย กษัตรยิ ม์ ีอำ� นาจในการปกครองแผ่นดนิ และ
พลเมืองโดยอิสระ โดยไม่มกี ฎหมายหรือองค์กรตามกฎหมายใดๆ จะห้ามปรามได้ แมอ้ งค์กรทางศาสนา
อาจทัดทานการกระท�ำบางอย่างและกษัตริย์มักถูกคาดหวังให้ปฏิบัติตามธรรมเนียมต่างๆ แต่ในระบบ
สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์นัน้ ไมม่ รี ฐั ธรรมนญู หรือกฎหมายใดๆ ที่จะอย่เู หนือกว่าคำ� ช้ีขาดของกษตั ริย์ ตาม
ทฤษฎพี ลเมอื งนนั้ ระบบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยม์ อบความไวว้ างใจทง้ั หมดใหก้ บั พระเจา้ แผน่ ดนิ ซงึ่ ดพี รอ้ ม
ทางสายเลอื ดและไดร้ บั การเล้ยี งดูฝกึ ฝนมาอย่างดีตั้งแต่เกดิ

       ประเทศไทยเคยปกครองดว้ ยระบบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ โดยพระมหากษตั รยิ ม์ อี �ำนาจเดด็ ขาด
ในการปกครองแผน่ ดนิ ดงั คำ� กลา่ วทวี่ า่ พระบรมราชานภุ าพของพระเจา้ แผน่ ดนิ กรงุ สยามนไี้ มไ่ ดป้ รากฏ
ในกฎหมายอนั หนึ่งอนั ใด ด้วยเหตทุ ถี่ อื วา่ เป็นทีล่ ้นพ้น ไม่มขี ้อสงั่ อันใดจะเป็นผบู้ งั คับขัดขวางได้

       อยา่ งไรกต็ ามมนี กั วชิ าการดา้ นรฐั ศาสตรเ์ หน็ แยง้ ในเรอื่ งน้ี คอื นครนิ ทร์ เมฆไตรรตั น์ อดตี คณบดี
คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ เหน็ ว่าระบบสมบรู ณาสิทธริ าชย์ของไทย ไมไ่ ดเ้ ปน็ ระบบทีม่ ีมา
แต่สมัยโบราณ แต่เพ่ิงมีมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เน่ืองจากในรัชกาลน้ี พระองค์ทรงรวบอ�ำนาจจากเหล่า
ขนุ นาง ขา้ ราชการ ทเ่ี คยมอี ำ� นาจและบทบาทมากกอ่ นหนา้ นนั้ มาไวท้ ศี่ นู ยก์ ลางการปกครอง คอื ตวั พระ
องค์ และพระประยรู ญาติ ทำ� ใหพ้ ระมหากษตั รยิ ท์ รงดำ� รงสถานะเปน็ ทง้ั ประมขุ ของรฐั และประมขุ ของฝา่ ย
บรหิ ารอย่างแท้จริง ซงึ่ ในมุมมองของนครนิ ทรเ์ หน็ วา่ ระบบสมบรู ณาสิทธิราชย์ของไทยมีเพยี ง 3 รชั กาล
เทา่ นน้ั คือ รชั กาลที่ 5 รชั กาลท่ี 6 และรชั กาลที่ 7

       ในการเปลีย่ นแปลงระบบการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธริ าช ที่อำ� นาจอธปิ ไตยเป็นของ
พระมหากษัตริย์ มาเป็นระบบประชาธิปไตยท่ีอ�ำนาจอธิปไตยอันชอบธรรมเป็นของประชาชน ต้องมีการ
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31