Page 23 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 23
ความรู้ด้านการเมืองการปกครอง 4-13
2) อาชีพการงาน (occupation) = “สรา้ งคณุ ค่าชีวติ ” เป็นการสร้างความแขง็ แกร่งให้สงั คมมี
ความเจริญกา้ วหน้าและสร้างอํานาจการตอ่ รองกบั สังคมภายนอกท่ีต้องพบปะสังสรรคก์ นั ตอ่ ไป
3) รายได้ (income) = “เศรษฐกิจรุ่งเรือง” เปน็ ตวั ชว้ี ัดความมั่งคั่งของบา้ นเมอื ง เพราะรายได้
ในการดํารงชพี เพียงพอ ย่อมแสดงไดว้ า่ สงั คมกนิ ดีอย่ดู ีได้
1. ความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองการปกครองกับสังคม
สังคมและการเมืองมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก ปรัชญาสังคมล้วนแล้วแต่เก่ียวข้องกับ
การเมอื ง และการเมอื งเปน็ สว่ นหนงึ่ ของโครงสรา้ งการปกครอง ดงั นนั้ บคุ คลทปี่ ระชาชนคดั เลอื กใหม้ าทำ�
หนา้ ทป่ี กครองจะอยู่ในฐานะนกั การเมอื ง มหี นา้ ที่ในการปริหารองคป์ ระกอบ หรอื กจิ การต่างๆ ของสังคม
นั่นเอง จึงเรียกได้ว่า สังคมและการเมืองสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ดังบ้านกับฝาผนังของบ้าน การเมือง
เปรยี บเสมอื นบา้ น สว่ นฝาผนงั เพดาน ประตู หนา้ ของบา้ น เปรยี บเสมอื นสงั คม ซง่ึ เปน็ องคป์ ระกอบของ
บา้ น อันทีจ่ ริง งานการเมอื งก็คอื การบริหารกิจการของสังคมนน่ั เอง ปรัชญาการเมอื งของเพลโตแทบจะ
เรียกได้ว่า สังคมกับการเมืองเป็นเรื่องเดียวกันด้วยซ้�ำไป ถ้าพิจารณาจากค�ำพูดของเขาท่ีว่ามนุษย์เป็น
สัตว์สังคม เน่ืองจากความจ�ำเป็นทางเศรษฐกิจบีบบังคับให้มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นรัฐหรือ
การเมอื ง
ดงั นนั้ รฐั จงึ เปน็ สถาบนั ทจ่ี ำ� เปน็ ตอ้ งมใี นสงั คม นกั ปรชั ญา ชอ่ื อรสิ โตเตลิ เสนอแนวคดิ การเมอื ง
ไวว้ า่ มนษุ ยอ์ ยโู่ ดดเดยี่ วไมไ่ ด้ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งรวมตวั กนั ตง้ั รฐั ขน้ึ มา เพอื่ ความปลอดภยั ในชวี ติ แลว้ คดั เลอื ก
บคุ คลกลมุ่ หนงึ่ ขน้ึ ทำ� หนา้ ทบี่ รหิ าร ตรากฎหมาย กำ� หนดนโยบายการพฒั นาสงั คมในประเทศนน้ั ตอ่ ไป
2. ความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองการปกครองกับเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจและการเมืองมีความเกี่ยวพันกันอย่างแน่นแฟ้นจนบางคร้ังเศรษฐกิจก็สามารถช้ีน�ำ
ทศิ ทางหรอื แนวทางของการเมอื งได้ เพราะทศิ ทางการเมอื งอาจเปน็ ตวั วดั เศรษฐกจิ ของประเทศได้ ซง่ึ โดย
ทว่ั ไปแลว้ การเมอื งจะเปน็ เรอ่ื งของการปกครอง การบรหิ ารประเทศ สว่ นเศรษฐกจิ กจ็ ะเปน็ เรอื่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
กับเงินๆ ทองๆ ดังนั้นหากรวมทั้งสองสิ่ง คือ การเมืองกับเศรษฐกิจเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นเร่ืองของ
เศรษฐกจิ การเมอื งอนั เปน็ สงิ่ ทเ่ี กย่ี วพนั และหลอ่ หลอมความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเศรษฐกจิ กบั การเมอื งเขา้ ดว้ ย
กนั โดยทว่ั ไปแลว้ นกั เศรษฐศาสตรม์ หี นา ทเี่ กย่ี วขอ งกบั เศรษฐกจิ ของชาติ 3 ประการ ไดแ้ ก่ (ภณ ใจสมคั ร,
2549)
1) การท�ำความเข้าใจว่าท�ำไมสภาพเศรษฐกิจจึงเป็นเช่นน้ันในปัจจุบันน้ี แล้วน�ำไปอธิบายให้
ประชาชนทว่ั ไปเข้าใจ
2) ทำ� หนา ทีพ่ ยากรณภ าวะเศรษฐกจิ ในอนาคตอยางไรอคติ และ
3) การให้ค�ำแนะน�ำแก่รัฐบาลเก่ียวกับการวางนโยบายเศรษฐกิจเพื่อให้ เศรษฐกิจเติบโตตาม
สมควร โดยจะตอ งเปนประโยชนแก่ประชาชนโดยทว่ั ไป และจะตอ งไมมชี องวางระหวา งคนจนกับคนรวย
มากนกั