Page 41 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 41
ความรูด้ า้ นวทิ ยาศาสตร์และสงิ่ แวดล้อม 9-31
ลา่ สตั วแ์ ละเกบ็ พชื พนั ธต์ุ า่ งๆ ทห่ี าไดจ้ ากธรรมชาติ ทอี่ ยอู่ าศยั บา้ งกอ็ ยตู่ ามถา้ํ บา้ งกม็ ถี นิ่ ฐานทไ่ี มแ่ นน่ อน
เมอื่ สภาพแวดลอ้ มไมเ่ ออ้ื อำ� นวยตอ่ การดำ� รงชวี ติ เชน่ อาหารหมด หรอื อากาศหนาวเยน็ เกนิ ไป กจ็ ะยา้ ย
ไปหาทอ่ี ยใู่ หม่ เปน็ ตน้ ตอ่ มามนษุ ยใ์ นยคุ แรกๆ เหลา่ นก้ี เ็ รมิ่ เรยี นรทู้ จี่ ะสรา้ งเครอ่ื งไมเ้ ครอื่ งมอื หรอื ระบบ
ต่างๆ ขนึ้ มาทนุ่ แรง เช่น ร้จู ักสรา้ งอาวุธจากหิน กระดกู และเขาสัตว์ ในการล่าสัตว์ เม่อื มนุษยอ์ ยู่ร่วมกับ
สงิ่ แวดลอ้ มนานเขา้ กเ็ รม่ิ สงั เกต เรยี นรู้ และปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ธรรมชาตธิ รรมชาติ อนั นำ� ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลง
ครงั้ สำ� คญั ของวถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของมนษุ ยค์ อื การทมี่ นษุ ยร์ กู้ ารทำ� เกษตรกรรม สำ� หรบั การเพาะปลกู รจู้ กั
การใช้เครื่องมือในการขุดพรวนดิน เช่น จอบ เสียม รู้จักการเก็บเอาเมล็ดพันธุ์ตามธรรมชาติมาปลูกใน
บรเิ วณทีต่ ้องการและเกบ็ เก่ยี ว และเก็บเมลด็ พนั ธุ์ไว้ใช้ต่อไป ในสว่ นของการปศุสตั ว์กร็ จู้ ักจับสัตวจ์ ากปา่
มาเล้ียงไว้ในบริเวณท่ีเตรียมไว้เป็นสัตว์เลี้ยงออกลูกออกหลาน เพ่ือการน�ำมาใช้ประโยชน์ทั้งเป็นอาหาร
และพาหนะ
ในยุคนี้ส่ิงแวดล้อมยังไม่ค่อยถูกรบกวนจากมนุษย์เท่าใดนัก เนื่องจากยังมีประชากรน้อยและ
อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ประกอบกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังไม่สูงพอท่ีจะดึง
เอาทรพั ยากรธรรมชาตมิ าใชป้ ระโยชนใ์ นปรมิ าณมากจนเกนิ ขดี ความสามารถทจี่ ะรองรบั ไดข้ องธรรมชาติ
นอกจากนคี้ วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอื่ งของธรรมชาตยิ งั มอี ยอู่ ยา่ งจำ� กดั ไมม่ อี งคค์ วามรใู้ ดๆ ทจี่ ะสามารถนำ�
มาอธบิ ายปรากฏารณท์ างธรรมชาตทิ ป่ี ระสบได้ เชน่ ฝนตก ฟา้ รอ้ ง ฟา้ ผา่ ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ เชอื่ วา่ ปรากฏการณ์
ตา่ งๆ เกิดขึ้นโดยมสี ่ิงทอี่ ยู่เหนือธรรมชาตเิ ป็นผบู้ ันดาลใหเ้ กดิ เช่น เทพเจ้า ภตู ผี ปศิ าจ ซึง่ เป็นบ่อเกดิ
ของความเชือ่ พธิ ีกรรม ต่างๆ ซึ่งท�ำให้เกดิ ความเคารพและยำ� เกรงต่อธรรมชาติ
2. ยุคที่มนุษย์รุกรานธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจนได้รับผลกระทบ
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท�ำให้มนุษย์รู้จักและเข้าใจธรรมชาติมากข้ึน ความล้ีลับและสิ่งเหนือ
ธรรมชาติต่างๆ กไ็ ด้รับค�ำอธิบายเชงิ วิทยาศาสตร์มากข้ึน ดา้ นหน่ึงก็ก่อใหเ้ กดิ ความรู้ความคดิ ใหมๆ่ อีก
ด้านหนึ่งก็ท�ำให้ความเกรงกลัวต่อธรรมชาติลดลงไป แต่ความรู้ทางวิทยาการสมัยใหม่ก็เปรียบเสมือน
ดาบสองคม ด้านหน่ึงจะช่วยท�ำให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ดีข้ึน ได้รับความสะดวกสบายมากข้ึนจากการ
ดดั แปลงใชส้ อยธรรมชาตริ อบๆ ตวั ใหเ้ ปน็ ประโยชนก์ บั ตนเอง แตอ่ กี ดา้ นหนงึ่ จะทำ� ใหธ้ รรมชาตถิ กู คกุ คาม
ท�ำลาย ทำ� ให้เกิดความเส่ือมโทรมหรอื สญู สนิ้
เมอื่ มนษุ ยไ์ มจ่ ำ� เปน็ ออกไปลา่ สตั ว์ เกบ็ พชื ผกั ในปา่ กม็ เี วลาเพมิ่ มากขน้ึ มคี วามปลอดภยั มากขน้ึ
มีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน มีเวลาในการคิดค้นพัฒนาความรู้และวิทยาการต่างๆ มากข้ึน บริเวณใดท่ีมีความ
อดุ มสมบรู ณด์ มี นี าํ้ ใชต้ ลอดปี มนษุ ยก์ จ็ ะสรา้ งบา้ นเรอื นอยรู่ วมกนั เปน็ หมบู่ า้ นและอยแู่ บบถาวร กลายเปน็
ชมุ ชน เปน็ เมอื ง มปี ระชากรเพมิ่ มากขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง แตโ่ ลกมที รพั ยากรธรรมชาตทิ จี่ ำ� กดั และมแี นวโนม้
ทจี่ ะลดลงเรอื่ ยๆ มนษุ ยแ์ ตล่ ะคนลว้ นใชท้ รพั ยากรเพอื่ ดำ� รงชวี ติ และยงิ่ มนษุ ยร์ จู้ กั ทจ่ี ะพฒั นาวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยีมากยงิ่ ข้นึ เท่าไรส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติจะถูกน�ำไปใช้ประโยชนม์ ากขึ้นเท่านนั้
เมอ่ื การทำ� การเกษตรในรปู แบบเดมิ ๆ ไมเ่ พยี งพอทจี่ ะตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการอาหารของประชากรโลก
ที่เพมิ่ มากขึน้ การปฏิวตั ิเขียว (Green Revolution) จงึ ไดเ้ ริม่ ข้ึนเมือ่ ทศวรรษ 1960 โดยการปฏิวตั ิเขยี ว
คือการเปล่ียนแปลงระบบเกษตรกรรมจากแบบดั้งเดิมมาสู่การเกษตรแผนใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง โดยมี