Page 103 - ประสบการณ์วิชาชีพภาษาอังกฤษ
P. 103
การพัฒนาภาวะผู้นำ� 15-91
3. การรู้จักประมาณ (temperance) หมายถ ึง การร ู้จักควบคุมความต ้องการแ ละการกระท ำ�ต่างๆ ให้อยู่ใน
ขอบเขตอันควรแก่สภาพและฐานะของบุคคล ไม่ให้เกินความจำ�เป็นตามธรรมชาติ ไม่ให้ก้าวก่ายสิทธิอันชอบธรรม
ของผ ู้อ ื่น
4. ความย ุติธรรม (justice) หมายถ ึง การใหแ้ กท่ ุกค นแ ละแ ต่ละค นต ามค วามเหมาะส ม (giving every man
his due) ซึ่งจ ะต ้องร ะลึกว ่าเราม กี ำ�ลังใหเ้ท่าใดค วรใหแ้ กใ่ครเท่าใด และอ ย่างไร อาจก ล่าวไดว้ ่าค วามยุติธรรมเป็นแ ก่น
ของค ุณธรรมอื่นห ลายป ระการซ ึ่งค ุณธรรมอื่นน ั้นๆ เป็นเพียงแ ง่ต ่างๆ ของค วามยุติธรรมนั่นเอง ผู้ม ีค วามยุติธรรมสูง
ย่อมเพียบพ ร้อมด ้วยคุณธรรมต่างๆ มากมาย
ศีลธรรมของทุกศาสนาก็เป็นข้อดีสำ�หรับยึดถือปฏิบัติทั้งสิ้น ศีลธรรมนั้นๆ จึงเป็นคุณธรรมที่ถ้าใคร
ปฏิบัติตามด้วยความเคยชิน ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีคุณธรรม ศาสนาแต่ละศาสนาต่างก็ระบุชื่อคุณธรรม
และชื่อกิเลสไว้จำ�นวนมากจนยากที่จะจดจำ�และทำ�ความเข้าใจในทางการศึกษาและทางสังคมก็ได้ระบุชื่อคุณธรรม
และชื่อกิเลสไว้มากมาย เช่น ระบุชื่อคุณธรรมว่าความละอายแก่ใจ ความรักชาติ ความเมตตากรุณา ความหวังดี
ความซื่อสัตย์ส ุจริต ความบริสุทธิ์ใจ ความจ ริงใจ ความเห็นอกเห็นใจ ความเกรงใจ ความยุติธรรม ความเที่ยงธ รรม
ความเสียสละ ความสามัคคี ความเฉลียวฉลาด ความเข้มแข็ง ความอดทน ความอดกลั้น ความขยันหมั่นเพียร
ความสันโดษ การให้อภัย เป็นต้น ส่วนกิเลสก็มีชื่อระบุไว้มากมาย เช่น ความทุจริต ความอิจฉา-ริษยา ความ
เกลียดชัง ความอาฆาตเคียดแค้น ความพยาบาท ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความลำ�เอียง ความใจร้าย ความ
ตระหนี่ ความมารยา ความโอ้อวด ความถือตัว ความหัวดื้อ เป็นต้น แต่ถึงจะแบ่งประเภทของคุณธรรมและกิเลส
ให้ดีอย่างไร ก็อดที่จะเหลื่อมลํ้าทับซ้อนกันไม่ได้ จึงมักจะปรากฏว่า ความประพฤติแต่ละครั้งสืบเนื่องมาจาก
คณุ ธรรมห ลายอ ยา่ ง และเมือ่ ฝ กึ ฝนค ณุ ธรรมใดค ณุ ธรรมห นึง่ คณุ ธรรมอ ืน่ ๆ กพ็ ลอยไดไ้ ปด ว้ ย และในท �ำ นองเดยี วกนั
การป ล่อยตัวให้ก ิเลสอ ย่างใดอย่างห นึ่งเกาะกุมก ็จะม ีก ิเลสอื่นอีกห ลายๆ อย่างต ิดตัวไปด้วย
ในการฝึกฝนและปฏิบัติตนให้มีคุณธรรมนั้น ไม่จำ�เป็นต้องพะวงในการเรียกชื่อคุณธรรมเหล่านั้นและ
คุณธรรมนี้ก็เป็นข องดีส ากล ซึ่งท ุกคนม ีได้ ยึดถือป ฏิบัติได้โดยไม่ต้องก ังวลว่าจะเป็นค ำ�สอนของลัทธิใด ศาสนาใด
การฝึกฝนคุณธรรมหลายอย่างหลายประการในเวลาเดียวกันนั้น อาจจะเป็นการเฝือและจาง จนแม้แต่จะ
ระบุชื่อของคุณธรรมให้หมดก็ยากที่จะจดจำ� จึงนิยมเน้นฝึกฝนคุณธรรมสำ�คัญบางประการตามยุคตามสมัย ซึ่ง
แต่ละสมัยมักจะมีการเน้นคุณธรรมเด่นประจำ�สมัยตามความต้องการและสภาพแวดล้อมต่างๆ กัน เช่น ยุคโบราณ
เน้นวาจาสัตย์ สมัยอัศวินเน้นความจงรักภักดี ในสมัยปัจจุบันสภาพการณ์ต่างๆ ทำ�ให้เราต้องการคุณธรรมเด่น
ร่วมก ันท ั่วโลก คือ การร ่วมมือก ันโดยการประนีประนอม การอดทนต ่อท รรศนะท ี่แตกต ่างกัน การย อมรับฟ ังค วาม
คิดเห็นซึ่งกันและกัน การรับผิดชอบร่วมกันต่อสวัสดิภาพของมนุษย์ และความมีใจจริงต่อกันโดยไม่เลือกเชื้อชาติ
ศาสนา สำ�หรับสังคมไทยสมัยก่อน เน้นความจงรักภักดี ส่วนปัจจุบันในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กำ�ลังมุ่งเน้น
ปลูกฝังคุณธรรมสำ�หรับประชาชน 4 ประการ เพื่อความสงบสุขร่มเย็นของชาติบ้านเมืองตามพระบรมราโชวาทของ
พระบาทสมเด็จพ ระเจ้าอยู่หัว คือ
(1) การร ักษาความส ัตย์ ความจ ริงใจต่อตัวเอง ที่จ ะประพฤติป ฏิบัติแ ต่ส ิ่งที่เป็นป ระโยชน์แ ละเป็นธรรม
(2) การรู้จักข่มใจตัวเอง ฝึกใจต นเอง ให้ประพฤติป ฏิบัติอ ยู่ในความส ัตย์ความดีนั้น
(3) การอดทน อดก ลั้น และอ ดออม ที่จ ะไม่ประพฤติล่วงค วามส ัตย์ส ุจริตไม่ว ่าจะด้วยเหตุป ระการใด
(4) การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่
ของบ้านเมือง