Page 33 - ประสบการณ์วิชาชีพภาษาอังกฤษ
P. 33

การพัฒนาภาวะผู้นำ� 15-21

       1.2		ทุก​คน​มี​ส่วน​ได้​พูด​โดย​ทั่ว​ถึงกัน การ​สนทนา​ใน​บาง​ครั้ง​อาจ​มี​ผู้​สนทนา​เพียง 2 คน​เท่านั้น แต่​บางที​ก็​
อาจ​เป็นก​ลุ่ม​ประมาณ 4-5 คน ทุกค​ นค​ วรม​ ีส​ ่วน​ได้พ​ ูดแ​ สดง​ความ​คิด​เห็น ให้​ข้อเ​ท็จจ​ ริง ตั้งค​ ำ�ถามห​ รือ​ตั้ง​ข้อ​สังเกต​
ของ​ตน ให้​คนใน​กลุ่ม​ได้​ฟัง​บ้าง จึง​จะ​เป็นการ​สนทนา​ที่​ดี มิใช่​มี​เพียง​หนึ่ง​หรือ​สอง​คน​เท่านั้น​ที่​พูด​ส่วน​คน​อื่น​ได้​
แต่​ฟัง ทั้งนี้​ไม่​ว่า​ผู้​ที่​อยู่​ใน​กลุ่ม​จะ​อยู่​ใน​ฐานะ​อย่างไร​ก็ตาม เช่น ใน​การ​ไป​เที่ยว​กัน​เป็นก​ลุ่ม ห้า​คน​สาม​คน เป็น​
เพื่อน​สนิท​กัน คน​ที่​สี่​เป็น​เพื่อน​ของ​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน 3 คน​นั้น และ​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​เพื่อน​ของ​คน​ที่​สี่​และ​ก็​ไม่ใช่คน​
ช่าง​พูด​ด้วย คน​สุดท้าย​นี้​ก็​ควร​มี​โอกาส​ได้​พูด​คุย​กับ​คน​อื่น​บ้าง​อย่าง​น้อย​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน 3 คน​แรก​ก็​ควร​หา​โอกาส​
ซัก​ถาม ด้วย​คำ�ถาม​ที่​พอ​จะ​ตอบ​ได้​ด้วย​ความ​สบายใจ ทั้ง​ชวน​ให้​พูด​คุย​ร่วม​ด้วย​ถ้า​คน​ทั้ง 3 คน​นั้น​จะ​เอาแต่​
พูด​คุย​กันใ​น​เรื่องท​ ี่ต​ นส​ นใจเ​ช่น​นี้แ​ ล้ว ก็​ไม่​นับว​ ่า​เป็นการส​ นทนา​ที่​ดีส​ ำ�หรับ​บุคคล​ทั้ง​กลุ่ม

       1.3		ก่อ​ใหเ​้ กดิ ​ความเ​ขา้ ใจท​ ดี่​ ต​ี อ่ ​กัน  คุณลักษณะ​ข้อน​ ี้ คือ ผล​ของ​การส​ นทนา​ที่​เกิด​ขึ้น​ทั้ง​ในร​ ะหว่าง​ที่ก​ ำ�ลัง​
สนทนาอ​ ยู่ และภ​ ายห​ ลังท​ ี่​การส​ นทนาไ​ด้​สิ้น​สุดล​ ง​แล้ว

       ถ้า​คน​เรา​สนทนา​กัน​แล้ว​เกิด​ความ​เข้าใจ​ผิด​ต่อ​กัน​เช่น ฝ่าย​หนึ่ง​คิด​ว่า​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​รังเกียจ ทั้งๆ ที่​ฝ่าย​นั้น​
ไม่​ได้​รังเกียจ​เลย​เพียง​แต่​เกรงใจ​เท่านั้น เช่น​นี้​ย่อม​เป็นการ​สนทนา​ที่​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​เข้าใจ​ผิด​ต่อ​กัน และ​เมื่อ​ยิ่ง​
สนทนา​กันต​ ่อๆ ไป​ก็อ​ าจจ​ ะ​ยิ่ง​ก่อใ​ห้​เกิด​ความเ​ข้าใจ​ผิดก​ ัน​รุนแรงย​ ิ่ง​ขึ้น อย่างน​ ี้​แล้ว​ย่อม​ไม่ใช่ก​ าร​สนทนาท​ ี่ด​ ี

       แต่​ถ้า​หาก​สนทนา​กัน​แล้ว​เกิด​ความ​เข้าใจ​ดี​ต่อ​กัน​ความ​ขุ่น​ข้อง​หมองใจ ความ​หวาดระแวง​หรือ​ความ
เข้าใจผ​ ิดท​ ี่เ​คยม​ ีต​ ่อก​ ันห​ มดส​ ิ้นไ​ป เกิดค​ วามเ​ข้าใจด​ ีต​ ่อก​ ันเ​ช่นน​ ี้จ​ ึงจ​ ะถ​ ือว่าเ​ป็นล​ ักษณะข​ องก​ ารส​ นทนาท​ ี่ด​ ี นอกจากน​ ี​้
ถ้า​ผู้​ร่วม​สนทนา​รับ​ฟัง​ความ​คิด​เห็น​ของ​กัน​และ​กัน​ไม่​ยึด​มั่น​แต่​ความ​เห็น​ของ​ตน​เท่านั้น ความ​เข้าใจ​ที่​ดี​ต่อ​กัน​ก็​จะ​
เกิด​ขึ้น​ได้จ​ าก​การ​สนทนาน​ ั้นด​ ้วย

       1.4		ถูก​ต้อง​ตาม​กาลเทศะ​และ​บุคคล การ​สนทนา​ที่​ถูก​ต้อง​ตาม​กาลเทศะ​และ​บุคคล​หมายความ​ว่า​เนื้อ​เรื่อง​
ที่​หยิบยก​ขึ้น​มาส​นท​นา​ก็​ดี การ​แสดง​ความ​รู้สึก​ออก​มา​ใน​ขณะ​สนทนา​ก็​ดี และ​ความ​มาก​น้อย​ใน​การ​สนทนา​ก็​ดี​ล้วน​
ถูก​ต้อง พอ​เหมาะพ​ อดี​กับ​กาลเทศะแ​ ละ​บุคคล​เช่น​ใน​ที่​ประชุม​ทาง​วิชาการ​ไม่​ควร​สนทนา​กัน​ถึง​เรื่องร​ าว​ที่​สนุกสนาน
เพลิดเพลิน เช่น เรื่อง​การ​ไป​ท่อง​เที่ยว หรือ​การ​ไป​ดู​มหรสพ ทั้งๆ ที่​เรื่อง​เช่น​นั้น​อาจ​นำ�​ไป​สนทนา​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​
ใน​เวลา​อื่น เช่น เวลา​นั่ง​รับ​ประทาน​อาหาร​กลาง​วัน​ร่วม​กัน เป็นต้น และ​ไม่​ควร​มี​การ​สรวลเส​เฮฮา​ควร​จะสำ�รวม
​คำ�​พูด พูด​คุย​กัน​แต่​น้อย และ​ควร​ให้​เบาๆ ด้วย แต่​ถ้า​ใน​งาน​วัน​รื่นเริง​ต้อนรับ​ปี​ใหม่ ถ้า​สนทนา​กัน​โดย​ขาด​การ
​สรวลเส​เฮฮา ต่าง​คน​ต่าง​สำ�รวม​คำ�​พูด​เช่น​นี้​แล้ว​ก็​คงจะ​น่า​อึดอัด คงจะ​ไม่ใช่​การ​สนทนา​ที่​ดี​อีก​เช่น​กัน​เพราะ​ผิด​
กาลเทศะ​จน​เกินไ​ ป

       กล่าว​โดย​สรุป คำ�​พูด​และ​การ​แสดงออก​อย่าง​หนึ่ง​อย่าง​ใด​ก็ตาม​ที่​ทำ�ให้​เป็นการ​เสีย​หาย​แก่​ลักษณะ​ของ​
การ​สนทนา​ที่​ดี​ตาม​ที่​กล่าว​มา​แล้ว​ทั้ง 4 ข้อ​ข้าง​ต้น​แล้ว ควร​ละเว้น​ทั้ง​สิ้น การ​พูด และ​การ​แสดงออก​อย่าง​ใด​ก็ตาม
​ที่​เป็น​คุณลักษณะ​ของ​การ​สนทนา​ที่​ดี​ก็​ควร​จะ​ปฏิบัติ​อยู่​ตลอด​ไป ตาราง​ที่ 15.1 นี้​จะ​ได้​หยิบยก​เอา​ลักษณะ​ที่​
ไม่​พึง​ประสงค์​ต่างๆ ที่​มัก​ปรากฏ​เห็น​อยู่​เสมอ​ใน​การ​สนทนา​ใน​ที่​ทั่วๆ ไป​ขึ้น​มา​กล่าว​เพื่อ​เตือน​ใจ​ไว้ จะ​ได้​หลีก​เลี่ยง​
และจ​ ะ​ได้ช​ ี้ใ​ห้​เห็นข​ ้อท​ ี่​ควรป​ ฏิบัติก​ ำ�​กับ​ไว้​ด้วย
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38