Page 18 - กฎหมายระหว่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ
P. 18

15-8 กฎหมายระหว่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ

อำ�นาจ​รัฐ (State-Centrism) เป็น​แนวคิด​ที่​สนับสนุน​ตัว​แสดง​ที่ม​ ี​การ​ผสม​ผสาน (Mixed Actor Model) เป็นการ​
มองท​ ี่โ​ครงสร้างข​ องร​ ะบบท​ ี่ป​ ระกอบด​ ้วยต​ ัวแ​ สดงท​ ี่เ​ป็นร​ ัฐแ​ ละต​ ัวแ​ สดงท​ ี่ไ​ม่ใช่ร​ ัฐ นัยท​ ี่ส​ อง​ คือก​ ารแ​ บ่งป​ ันท​ างอ​ ำ�นาจ​
ของอ​ งค์ป​ ระกอบใ​นร​ ะบบก​ ารเมืองส​ ะท้อนจ​ าก​ความส​ ำ�คัญท​ ั้งก​ ารเมือง​ภายในประเทศ (Intra-State Politics) และ​
ระหว่าง​ประเทศ (Inter-State Politics) แนวคิด​อุดมคติ​นิยม​เป็น​รากฐาน​สำ�คัญ​ของ​แนวคิด​การ​พึ่งพา​อาศัย​ซึ่ง​กัน​
และ​กัน การพ​ ึ่งพาอ​ าศัย​ซึ่งก​ ัน​และก​ ันอ​ ย่าง​สลับซ​ ับ​ซ้อน และค​ วามส​ ัมพันธ์ข​ ้ามช​ าติ แนวคิดอ​ ุดมคติ​นิยม​จึง​สนับสนุน​
ตัวแ​ สดงท​ ี่ไ​ม่ใช่​รัฐ

       สจั นิยม (Realism) มีท​ ี่มาจ​ าก​แนวคิด​อนุรักษนิยม (Conservatism) ที่ม​ องม​ นุษย์แ​ ละ​โลกใ​น​แง่​ร้าย สังคม​
มนุษย์​จึง​มี​ความ​ขัด​แย้ง​และ​สงคราม รัฐ​นับ​เป็น​ตัว​แสดง​ที่​สำ�คัญ​ที่สุด​ที่​มุ่ง​เน้น​ผล​ประโยชน์​แห่ง​ชาติ​  4 ประการคือ
ความอ​ ยู่ร​ อดป​ ลอดภัย ความม​ ั่นคงแ​ ห่งช​ าติ ความม​ ั่งคั่งท​ างเ​ศรษฐกิจ และเ​กียรติภูมิแ​ ห่งช​ าติ การใ​ห้ค​ ุณค่าก​ ับอำ�นาจ
ดุล​แห่ง​อำ�นาจ การ​ครอง​ความ​เป็น​เจ้า และ​ภูมิรัฐศาสตร์ เพราะ​เป็น​ที่มา​ของ​ความ​อยู่​รอด​ของ​รัฐ การ​ยึดถือ​ลัทธิ​
พาณิชย​ น​ ิยม (mercantilism) ที่ม​ ุ่งเ​น้นต​ ามท​ ฤษฎีเ​กม พัฒนาการข​ องส​ ัจนิยมก​ ่อใ​ห้เ​กิดแ​ นวคิดน​ ำ�​มาส​ ู่​การถ​ ือก​ ำ�เนิด​
ของแ​ นวคิดท​ ฤษฎสี​ ัจนิยมใ​หม่ (Neo-realism) หรือส​ ัจนิยมท​ างโ​ครงสร้าง (Structural Realism) ทีอ่​ ธิบายพ​ ฤติกรรม​
ของร​ ัฐแ​ ละผ​ ลข​ องพ​ ฤติกรรมด​ ้วยก​ ารใ​หค้​ วามส​ ำ�คัญก​ ับก​ ารจ​ ัดสรรอ​ ำ�นาจ (Distribution of Power) ทีม่​ คี​ วามส​ ัมพันธ​์
กับ​ความ​สัมพันธ์​ข้าม​ชาติ​และ​การ​พึ่งพา​อาศัย​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​อย่าง​สลับ​ซับ​ซ้อน แนวคิด​สัจนิยม​ใหม่​จึง​ให้​ความ​สำ�คัญ​
กับ​บทบาท​และ​พฤติกรรม​ของ​รัฐ​ที่​มี​อิทธิพล​ใน​ระบบ​ระหว่าง​ประเทศ ขณะ​ที่​ตัว​แสดง​อื่น​โดย​เฉพาะ​บรรษัท​ข้าม​ชาติ​
มีค​ วาม​สำ�คัญ​เพิ่ม​ขึ้น แตกต​ ่างจ​ าก​สัจนิยม​ที่​ไม่ใ​ห้​ความ​สำ�คัญ​กับ​ตัว​แสดง​อื่น

       แนวคดิ ท​ ฤษฎร​ี ะบบ (Systems Theory) เป็นแ​ นวคิดท​ ฤษฎที​ ีม่​ องก​ ารเมืองร​ ะดับม​ หภาค มุ่งเ​น้นอ​ งคป์​ ระกอบ​
หรือส​ ่วนป​ ระกอบย​ ่อยท​ ี่ม​ ีหน้าท​ ี่ท​ ี่ม​ ีป​ ฏิสัมพันธ์ร​ ะหว่างก​ ันเ​พื่อค​ วามอ​ ยู่ร​ อดท​ ี่ป​ ระกอบด​ ้วย ปัจจัยน​ ำ�​เข้า กระบวนการ​
แปรรูป ปัจจัยน​ ำ�​ออก ปัจจัยป​ ้อนก​ ลับท​ ี่ม​ ีป​ ฏิสัมพันธก์​ ับส​ ภาพแ​ วดล้อมเ​ป็นการอ​ ธิบายแ​ ละว​ ิเคราะห์จ​ ากโ​ครงสร้างท​ ี่ม​ ​ี
ความห​ มายถ​ งึ ต​ วั แ​ สดงท​ เี​่ ปน็ กล​ ุ่ม องคก์ าร หนว่ ยง​ าน สถาบัน หรืออ​ ืน่ ใ​ด และก​ ระบวนการท​ ีม่​ ค​ี วามห​ มายถ​ ึงก​ ารกร​ ะท​ ำ� 
การ​ดำ�เนินก​ าร ความส​ ัมพันธ์ และ​ปฏิสัมพันธ์ ระหว่าง​ตัว​แสดงท​ ั้งห​ ลาย แนวคิดท​ ฤษฎี​ระบบเ​ป็น​ที่มา​ของก​ าร​อธิบาย​
ระดับร​ ัฐ ที่ส​ ำ�คัญค​ ือ แนวคิดท​ ฤษฎีก​ ารต​ ัดสินใ​จน​ โยบายต​ ่างป​ ระเทศ กลุ่มแ​ นวคิดท​ ฤษฎีร​ ะบบท​ ี่​อธิบายพ​ ฤติกรรม​
ของ​รัฐ​กับ​ตัวแปรอ​ ื่น ได้แก่ ทฤษฎีค​ วาม​เกี่ยว​พัน (Linkage Politics) ทฤษฎีส​ นาม​สังคม (Social Field Theory)
กลุ่มแ​ นวคิด​ทฤษฎี​ระบบ​ใน​ระดับ​ภูมิภาคค​ ือ ทฤษฎีก​ ารร​ วม​กลุ่มห​ รือ​การบ​ ูรณาการ (Integration Theory) ที่​แบ่ง​
ออกเ​ป็น​ระดับค​ วามร​ ่วม​มือ​หรือร​ ะดับ​บูรณาการ มี 2 มิติ ด้านก​ ารเมืองแ​ บ่ง​ออกเ​ป็น สหพันธรัฐแ​ ละ​สมาพันธรัฐ และ​
ด้านเ​ศรษฐกิจแ​ บ่ง​ออก​เป็น เขตก​ าร​ค้า​เสรี สหภาพ​ศุลกากร ตลาดร​ ่วม สหภาพ​เศรษฐกิจ และ​สหภาพ​เศรษฐกิจ​โดย​
สมบูรณ์ การ​แบ่ง​การ​รวม​กลุ่ม​จาก​หน้าที่​หรือ​ภารกิจ แบ่ง​จาก​หน้าที่​หรือ​ภารกิจ​เฉพาะ​ด้าน​สู่ค​ วาม​ร่วม​มือด​ ้าน​อื่น แบ่ง​
ออกเ​ป็น แนวคิด​ภารกิจ​นิยม (Functionalism) และ​ภารกิจ​นิยมใ​หม่ (Neo-functionalism) และแ​ นวคิด​ปฏิสัมพันธ์​
นิยม (Transactionalism) และก​ ลุ่มแ​ นวคิดท​ ฤษฎีร​ ะบบใ​นร​ ะดับโ​ลกค​ ือ แนวคิดโ​ลกน​ โยบายศ​ าสตร์ (Global Policy
Science) แนวคิด​ทฤษฎี​ระบบ​แฝง​ไว้ซ​ ึ่งต​ ัว​แสดง​ที่ไ​ม่ใช่​รัฐ​นอก​เหนือจ​ าก​รัฐท​ ี่เ​ป็นต​ ัวแ​ สดงท​ ี่​สำ�คัญ

       เศรษฐศาสตรก​์ ารเมอื ง (Political Economy) เปน็ การว​ เิ คราะหแ​์ ละอ​ ธบิ ายป​ จั จยั ท​ างเ​ศรษฐกจิ ท​ มี​่ ต​ี อ่ ก​ ารเมอื ง​
หรือป​ ัจจัยท​ างการเ​มอื งท​ ีม​่ ต​ี ่อเ​ศรษฐกจิ มท​ี ี่มาจ​ ากแ​ นวคิดล​ ัทธมิ​ ารก์​ ซ์ (Marxism) เปน็ ท​ ีม่ าข​ องแ​ นวคดิ ท​ ฤษฎที​ ีส่​ �ำ คัญ
ไดแ้ ก่ ภาวะท​ นั ส​ มยั (Modernization) จกั รวรรดนิ ยิ ม (imperialism) ทมี​่ ุง่ เ​นน้ ก​ ารย​ ดึ ค​ รองด​ นิ แ​ ดน และจ​ กั รวรรดนิ ยิ ม​
ใหม่ (neo-imperialism) ทีม่​ ุ่งเ​น้นก​ ารค​ รอบค​ รองแ​ ละค​ รอบงำ�​ทุกม​ ิติ บรรษัทข​ ้ามช​ าตนิ​ ับเ​ป็นเ​ครื่องม​ ือท​ ีส่​ ำ�คัญข​ องว​ ิธ​ี
การค​ รอบค​ รองแ​ ละค​ รอบงำ�​ของร​ ัฐช​ าตทิ​ ี่เ​ป็นเ​จ้าของ เช่นเ​ดียวกันแ​ นวคิดท​ ฤษฎีก​ ารพ​ ึ่งพ​ ิง (Dependency Theory) ท​ี่
มงุ่ ​เนน้ ​บทบาท​ของ​รฐั ผ​ า่ น​โครงสรา้ ง​ภายใน​รฐั องคก์ าร​ระหวา่ ง​ประเทศ และ​ตวั ​แสดง​ท​ไ่ี มใ่ ช​่รฐั ทส​่ี �ำ คญั ​คอื บรรษทั ​ขา้ ม-​
ชาติ และอ​ งค์การพ​ ัฒนาเ​อกชน จากป​ ระเทศท​ ีพ่​ ัฒนาแ​ ล้วห​ รือป​ ระเทศท​ ีก่​ ้าวหน้าก​ ับป​ ระเทศก​ ำ�ลังพ​ ัฒนาห​ รือป​ ระเทศท​ ี​่
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23