Page 20 - การศึกษาชีวิตครอบครัวและชุมชน
P. 20

12-8 การศกึ ษาชวี ติ ครอบครัวและชุมชน

3. 	ความหมายของการสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชน

       ชุมชนเข้มแขง็ หมายถงึ ชมุ ชนที่มีการรว่ มคิด รว่ มพฒั นา และร่วมแก้ปญั หาโดยสมาชกิ ทอ่ี าศยั
อยู่ภายในชุมชนเดียวกัน (ส�ำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน, 2549) โดยส่ิงท่ี
กล่าวน้ี เป็นสภาวการณ์ที่คนในชุมชนมีความสามารถที่จะดูแลตนเองได้ มีความตระหนักรู้ว่าจะพัฒนา
ตนเองหรือจัดการกับปัญหาในชุมชนของตนอย่างไร มีความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกันท่ีจะร่วมมือกระท�ำ
สิ่งต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย และเมื่อมีผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดข้ึนก็มีความสามารถท่ีจะจัดสรร
แบง่ ปนั ผลประโยชนร์ ะหวา่ งกนั ไดอ้ ยา่ งลงตวั เปน็ ผลใหส้ มาชกิ ทกุ คนอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งสงบสขุ เนอื่ งจาก
ชมุ ชนเขม้ แขง็ จะมศี กั ยภาพในการพงึ่ ตนเองสงู สามารถพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง มคี วามเปน็ ปกึ แผน่
สามารถควบคุมและบริหารจัดการกับปัญหาต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นได้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ การสร้างเสริม
ความเข้มแข็งของชุมชนจึงเป็นกลไกส�ำคัญที่ช่วยลดปัญหาของชุมชนให้น้อยลงหรือหมดไป รวมทั้ง
ขับเคลือ่ นชมุ ชนให้เกิดการพฒั นาอยา่ งเปน็ องค์รวมและยงั่ ยนื

       สำ� หรบั ความหมายของการสรา้ งเสรมิ ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนนนั้ สถาบนั การพฒั นาชมุ ชน (2557)
อธิบายไว้ว่า หมายถึง การจัดกระบวนการที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้และการพัฒนา
ศักยภาพของตนเอง การสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความเป็นพลเมือง ตลอดจนการสนับสนุนการ
ก�ำหนดนโยบายในระดบั พืน้ ท่ีโดยการมีสว่ นร่วมของภาคสว่ นต่างๆ ได้แก่ องคก์ รชุมชน องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชนในพ้ืนที่ ในขณะท่ี ฉวีวรรณ สุวรรณาภา (2557,
น. 300) อธบิ ายวา่ การสรา้ งเสรมิ ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน คอื การใหโ้ อกาสแกช่ มุ ชนไดแ้ สดงความเขม้ แขง็
ออกมา โดยการส่งเสริมให้ชุมชนได้ตัดสินใจแก้ไขปัญหาและจัดกระบวนการพัฒนาด้วยพลังของคน
ในชุมชนเอง คณุ ลกั ษณะทสี่ ำ� คัญ 9 ประการ ท่ีแสดงถึงความเข้มแขง็ ของชมุ ชน ไดแ้ ก่

            1)	 สมาชกิ ชมุ ชนมคี วามเชอ่ื วา่ ตนและคนในชมุ ชนสามารถแกไ้ ขปญั หาและพฒั นาชวี ติ ความ
เปน็ อยู่ของตนเองได้

            2)	 สมาชกิ ชมุ ชนรกั ทจี่ ะพงึ่ ตนเอง มคี วามเออื้ อาทร รกั หว่ งใยกนั และพรอ้ มทจ่ี ะจดั การกบั
ปัญหาของตนและชมุ ชนรว่ มกัน

            3)	 สมาชกิ ชมุ ชนเลอื กผูน้ ำ� ชุมชน ผู้น�ำการเปลีย่ นแปลง และผู้แทนชุมชนดว้ ยตนเองอยา่ ง
ตอ่ เนอ่ื ง

            4)	 มกี ารตดั สนิ ใจและทำ� งานรว่ มกนั ในชมุ ชนตอ่ เนอ่ื ง จนเปน็ วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน โดยมผี นู้ ำ�
ชุมชนรว่ มผลกั ดันอยา่ งแขง็ ขัน

            5)	 สมาชิกชมุ ชนมีสว่ นรว่ มประเมินสภาพปัญหาของชมุ ชน รว่ มกำ� หนดอนาคตของชมุ ชน
รว่ มคดิ รว่ มตดั สินใจ ด�ำเนนิ งานติดตามและประเมนิ ผลการแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน

            6)	 สมาชิกชุมชนเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองและชุมชนจากการเข้าร่วมเวทีชาวบ้านและการ
ท�ำงานร่วมกัน

            7)	 มแี ผนของชุมชนในการพัฒนาทุกด้าน โดยมงุ่ ท่กี ารพง่ึ ตนเอง เอ้อื ประโยชน์ต่อสมาชกิ
ชมุ ชนทกุ ๆ คน และหวังผลการพัฒนาทีย่ ่งั ยนื

            8)	 การพ่ึงภายนอกเป็นการพ่ึงเพื่อให้ชุมชนสามารถพ่ึงตนเองได้ในที่สุด ไม่ใช่การพึ่งพา
ตลอดไป
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25