Page 56 - การศึกษาชีวิตครอบครัวและชุมชน
P. 56

12-44 การศกึ ษาชีวิตครอบครวั และชมุ ชน

4.	 การประเมินแบบเสริมพลัง (empowerment evaluation) 		

       การประเมินแบบเสริมพลังเป็นแนวคิดซึ่งมีท่ีมาจากเทคนิคการประเมินโครงการที่มีลักษณะเป็น
ปฏบิ ตั กิ ารทางสงั คมของ เดวดิ เฟตเตอรแ์ มน (David M. Fetterman, 1993 อา้ งถงึ ใน ศภุ วลั ย์ พลายนอ้ ย,
2553, น. 46-50) โดยมีนักวิชาการไทยน�ำมาประยุกต์ใช้ในการท�ำงานพัฒนาในชุมชน การประเมิน
แบบเสริมพลังจะใช้หลักการประเมินตนเองเพื่อพัฒนาความสามารถของผู้ร่วมโครงการในการบรรลุ
เป้าหมายท่ีดีขึ้น ช่วยให้บุคคลหรือกลุ่มค้นพบตนเอง ตัดสินใจตนเอง และปรับปรุงตนเองหรือกลุ่ม
ในลักษณะของความม่งุ มนั่ รวม (collective commitment) ด้วยเหตนุ เี้ ปา้ หมายของการประเมนิ จงึ มใิ ช่
การตัดสินคณุ คา่ ของโครงการ หากแตน่ ำ� การประเมนิ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเพ่อื ให้เกิดการ
ปรับปรุงพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง เน่ืองจากการประเมินแบบเสริมพลังยึดหลักการประเมินตนเอง ความ
เท่ียงตรงของการประเมินจึงข้ึนอยู่กับตัวผู้ประเมินที่ยินดีและกล้าท่ีจะประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมา
มีความซ่ือสัตย์ต่อตนเองและกลุ่ม รวมทั้งการเลือกผู้รู้จริงท�ำจริงมาร่วมอยู่ในกระบวนการประเมิน หัวใจ
ส�ำคัญของการประเมินแบบเสริมพลัง คือ กระบวนการเรียนรู้และการเสริมพลังแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ให้สามารถพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการและคุณภาพของผลงานอย่างต่อเนื่อง ข้ันตอนส�ำคัญของ
การประเมนิ แบบเสริมพลัง มีดงั น้ี (อทุ ัยทพิ ย์ เจ่ยี วิวรรธนก์ ุล, 2553, น. 62)

       4.1	 การก�ำหนดภารกิจหรือเป้าหมายร่วมกัน เป็นขั้นตอนที่สร้างความชัดเจนแก่ผู้ที่มีส่วน
เก่ยี วข้องเก่ยี วกับภารกิจการประเมนิ ทจ่ี ะทำ� ร่วมกนั และเปา้ หมายทคี่ าดหวัง โดยใหผ้ ู้เขา้ ร่วมการประเมนิ
เสนอความคิดเหน็ ของตนอย่างอิสระ และทุกคนมโี อกาสอภปิ รายอย่างครบถว้ น

       4.2	 การตรวจสอบตน้ ทนุ เปน็ ขนั้ ตอนการประเมนิ ตนเองของผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งเพอื่ ใหร้ วู้ า่ สมาชกิ
มีความสามารถในการปฏิบัติภารกิจการประเมินเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด เพราะเหตุใด
การด�ำเนินงานในข้ันตอนนี้จะท�ำให้เกิดการยอมรับผลการประเมินและน�ำไปสู่การใช้ประโยชน์จากผล
การประเมนิ

       4.3	 การจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั ของกจิ กรรม โดยใหท้ กุ คนระบกุ จิ กรรมในโครงการทไี่ ดท้ ำ� รว่ มกนั มา
และใหแ้ ตล่ ะคนใหค้ ะแนนความสำ� คญั ของกจิ กรรมแตล่ ะกจิ กรรมทมี่ ผี ลตอ่ การบรรลเุ ปา้ หมายของโครงการ
ในขนั้ ตอนนท้ี กุ คนจะตอ้ งอภปิ ราย แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รบั ฟงั เหตผุ ลของแตล่ ะคน จากนน้ั จะชว่ ยกนั
จดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั โดยสมาชกิ แตล่ ะคนอาจเปลย่ี นแปลงลำ� ดบั ความสำ� คญั เมอื่ ไดฟ้ งั เหตผุ ลของผอู้ น่ื ใน
กลมุ่ กไ็ ด้

       4.4	 การประเมินตนเอง เม่ือจัดล�ำดับความส�ำคัญได้แล้วจะให้สมาชิกแต่ละคนประเมินโครงการ
ทไี่ ดท้ ำ� รว่ มกนั มาวา่ สามารถทำ� กจิ กรรมในโครงการไดด้ เี พยี งใด โดยใหค้ ะแนนกจิ กรรม ตง้ั แต่ 1-10 คะแนน
แล้วน�ำคะแนนของแต่ละคนมาหาค่าเฉลี่ยเป็นรายกิจกรรม โดยสมาชิกทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็น
และเหตผุ ลการให้คะแนนของตนเอง โดยวิเคราะหถ์ ึงจดุ แข็งและจุดออ่ นของแต่ละกจิ กรรม

       4.5	 การวางแผนสำ� หรบั อนาคต ในขน้ั ตอนนี้ สมาชกิ จะชว่ ยกนั วางแผนสำ� หรบั กจิ กรรมในอนาคต
โดยจะตอ้ งอภปิ รายถงึ เปา้ หมายหรอื สภาพทค่ี วรเปน็ ของกจิ กรรมนนั้ ๆ กลยทุ ธห์ รอื แนวทางการดำ� เนนิ งาน
เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย และระบเุ ครอื่ งมอื ทจ่ี ะใชต้ รวจสอบการใชก้ ลยทุ ธแ์ ละชว่ งเวลาทจี่ ะใชด้ ว้ ย ในขณะที่
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61