Page 57 - ความรู้เบื้องต้นการสื่อสารชุมชน
P. 57
การกำ� กบั ดูแลการสือ่ สารชมุ ชน 14-47
ผลประโยชน์ การโกหก แต่ถ้าผลออกมาดี สิ่งที่ดีในท่ีนี้ หมายถึง ความร�่ำรวย การเล่ือนข้ัน การครอง
ตำ� แหน่ง ความสขุ ความดีงาม หรืออนื่ ใดทไี่ ดป้ ระโยชน์เปน็ ท่ีนา่ พอใจแกต่ น
3) แนวทางท่ีเน้นความดีงาม (Virtue Ethics) แนวทางนเี้ ป็นคุณธรรม จรยิ ธรรมของผกู้ ระทำ�
เปน็ หลกั โดยยดึ หลกั วา่ การกระทำ� ใดๆ ก็ตาม ไมข่ ึ้นอยกู่ ับกฎเกณฑเ์ ทา่ ใดนกั แต่ขนึ้ อยกู่ บั ตวั ผกู้ ระท�ำ
มากกวา่ ถา้ บคุ คลนนั้ เปน็ ผมู้ คี วามรู้ ความสามารถ มคี ณุ ธรรม และไดร้ บั การกลอ่ มเกลา ฝกึ ฝนมาดี ยอ่ ม
เป็นหลักประกันท่ีจะก่อให้เกิดผลงานท่ีมีจริยธรรมได้ (ชาย โพธิสิตา อ้างถึงใน ธีรารักษ์ โพธิสุวรรณ,
2556: 15-5 – 6)
ส่วนจรรยาบรรณ มีความหมายตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ว่าหมายถึง
“ประมวลความประพฤตทิ ผี่ ปู้ ระกอบอาชพี การงานแตล่ ะอยา่ งก�ำหนดขนึ้ เพอ่ื รกั ษา และสง่ เสรมิ เกยี รตคิ ณุ
ชื่อเสียง และฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้” หากแต่ในมุมมองของ
นักวิชาการแล้ว จรรยาบรรณเป็นส่ิงที่ต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ดังเช่น สมควร กวียะ ระบุว่า
จริยธรรมที่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือเป็นรายการท่ีจะต้องปฏิบัติอย่างแน่นอน เรียกว่า
จรรยาบรรณ (Code of Ethics) สอดคลอ้ งกบั สุกญั ญา สดุ บรรทดั (2554: 4-5) ทีเ่ ห็นว่าจรยิ ธรรมเกิด
ขึ้นเม่ือมนุษย์ได้มารวมกันเป็นชุมชน จึงมีการสร้างหลักปฏิบัติข้ึนมาเพ่ือความผาสุกของคนในชุมชนน้ัน
ต่อมา เมื่อมีการประกอบอาชีพเกดิ ข้ึนหลากหลายแขนง มที ้งั คนดีคนเลวปะปนกนั ในแตล่ ะวชิ าชีพ จึงได้
มีการตง้ั บทจริยธรรม หรือจรรยาบรรณสำ� หรบั บางสายวิชาชพี จึงกลา่ วอกี นยั หนึง่ ไดว้ ่า จรรยาบรรณ คอื
หลกั จรยิ ธรรมซงึ่ ไดต้ ราขนึ้ ไวเ้ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร เปน็ ดงั ธรรมนญู แหง่ ความประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ นั ดงี าม ซงึ่
คนในสายวชิ าชีพจะได้ยดึ ถือเป็นหลักการตอ่ ไป เช่นเดียวกับมุมมองของสมาคมนกั วิทยุและโทรทศั นแ์ หง่
ประเทศไทย ท่ีให้ความหมายของ “จรรยาบรรณ” ว่า หมายถึง หลักจริยธรรมซึ่งได้ตราข้ึนไว้เป็น
ลายลักษณ์อักษร เพ่ือเป็นหลักแห่งความประพฤติปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพ (สมาคมนักวิทยุและ
โทรทัศน์แหง่ ประเทศไทย อ้างถงึ ในธรี ารักษ์ โพธสิ ุวรรณ, 2556: 235)
แม้ว่า จริยธรรม และจรรยาบรรณจะไม่ใช่กฎหมาย แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นส่ิงท่ีอยู่เหนือ
กฎหมาย เนอ่ื งจากการกระท�ำบางอยา่ งไมผ่ ดิ กฎหมาย แตผ่ ดิ จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ ซงึ่ ความผดิ ทาง
จริยธรรมและจรรยาบรรณนี้มกั ถกู ตัดสิน และลงโทษโดยสงั คมน่ันเอง
ผลของแนวคิดเรื่องการก�ำกับดูแลตนเองภายใต้มาตรฐานจริยธรรมและจรรยาบรรณ ก่อให้เกิด
การจัดต้ังองค์การ หรือสมาคมวิชาชีพด้านต่างๆ และข้อก�ำหนดจรรยาบรรณทางวิชาชีพ โดยมักมีภาค
ประชาชน หรอื ภาคประชาสงั คมเขา้ มาเกย่ี วขอ้ งดว้ ย โดยกำ� จร หลยุ ยะพงศ์ (2556) กลา่ ววา่ ภาคประชาชน
สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการก�ำกับดูแลสื่อในเชิงจริยธรรม และจรรยาบรรณได้ 4 ระดับ ท้ังในระดับ
ปจั เจกบุคคล ระดับกลมุ่ ระดบั องค์การ และระดับสถาบันการศกึ ษา ดังน้ี
1) ระดับปัจเจก เป็นการก�ำกับดูแลสื่อด้วยตนเอง ด้วยการเป็นผู้บริโภคสื่อท่ีกระตือรือร้น
(activeaudience) ท่ีทำ� หน้าทต่ี รวจสอบ วพิ ากษ์วจิ ารณก์ ารท�ำงานของสือ่ อยา่ งรเู้ ทา่ ทัน
2) ระดับกลุ่ม เชน่ การรวมกลมุ่ เปน็ “สภาประชาชน” เพอื่ ตรวจสอบการทำ� งานของสอื่ เชน่ ใน
กรณีของ “สภาผู้ชม และผู้ฟังรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS) ซึ่งท�ำหน้าที่แสดงความ
คิดเหน็ ที่มีตอ่ การผลติ รายการของทางสถานี เปน็ ต้น