Page 71 - ความเป็นครู
P. 71
ศักยภาพ สมรรถภาพครู และจิตวิญญาณความเป็นครู 10-61
การเดินทางไปสอนของครูสามารถน้ันค่อนข้างล�ำบาก ทุกวันจันทร์ครูจะต่ืนแต่ตีห้าและขับรถออก
จากบ้านในตัวเมืองล�ำพูนไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าแก่งก้อ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ระยะทางกว่าร้อยกิโลเมตร ใช้
เวลาเดินทางประมาณ 5 ช่ัวโมง ระหว่างทางครูจะแวะซ้ือกับข้าวไว้เป็นเสบียงส�ำหรับเล้ียงเด็ก ๆ ในแต่ละ
สัปดาห์ จากน้ันเดินทางต่อโดยขับเรือหางยาวด้วยตนเองฝ่าดงผักตบชวาจ�ำนวนมหาศาล และสภาพอากาศ
ที่แปรปรวนในบางวัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ซ่ึงใช้เวลาประมาณสองช่ัวโมง เมื่อมาถึง
โรงเรียนจะมีลูกศิษย์ตัวเล็ก ๆ ยืนรอครูสามารถอยู่อย่างใจจดจ่อ ครูสามารถเล่าว่า “...ตอนที่มาเห็นที่นี่
ครงั้ แรกสภาพภายในยงั รกรุงรงั ไมเ่ หมือนหอ้ งเรียนเป็นโรงเรยี นร้าง หยากไย่ ใบไมเ้ ต็มไปหมด ตอนทมี่ าเห็น
ครัง้ แรกกย็ งั ตดั สนิ ใจไม่ได้ว่าจะอยู่สอนทีน่ ีด่ ไี หม ยังไขว้เขวอยู่ เพราะท่ีเคยอยกู่ ส็ บาย แตม่ าทีน่ ี่ตอ้ งเริ่มใหม่
หมดทกุ อยา่ ง แลว้ มเี ราแคค่ นเดยี ว แตส่ ดุ ทา้ ยเรากค็ ดิ วา่ เราเรม่ิ เบอื่ ความสบายแลว้ กเ็ ลยตดั สนิ ใจอยกู่ บั สงั คม
ใหม่น้ี...” สาเหตุที่ครูสามารถตัดสินใจมาเป็นครูท่ีน่ี ทั้งที่ก่อนหน้าน้ันเป็นครูสอนอยู่ท่ีโรงเรียนเอกชน
แห่งหนึ่งในตัวเมืองล�ำพูนน้ัน เขาเล่าว่า ในอดีตเขาเคยขาดโอกาสเหมือนเด็กที่นี่ แต่ก็ได้หันหน้าไปพึ่ง
พระพุทธศาสนา จนได้เรียนต่อ เขาจึงอยากสานต่อให้เด็ก ๆ ได้รับโอกาสอย่างเต็มท่ี
โรงเรียนเรือนแพแห่งนี้เป็นโรงเรียนกินนอนท่ีต้องย้ายจุดไปตามฤดูกาลต่าง ๆ เน่ืองจากกระแสน้ํา
และมรสุม โรงเรียนมีห้องเรียน 1 ห้องส�ำหรับนักเรียน 7 คน ซ่ึงแต่ละคนเรียนอยู่คนละระดับช้ันกัน ต้ังแต่
อนุบาลถึงประถม 6 ครูและนักเรียนทุกคนใช้ชีวิตกินนอนอยู่ด้วยกันในโรงเรียนแห่งน้ีตลอด 24 ช่ัวโมง ครู
สามารถได้ปลูกฝังเร่ืองความมีวินัยให้เด็ก ๆ รู้จักแบ่งหน้าท่ีช่วยกันท�ำงานได้เป็นอย่างดี ส�ำหรับการเรียน
การสอนของที่นี่ เด็ก ๆ จะได้ท�ำกิจกรรมหลายอย่างท่ีครูสามารถประยุกต์เข้ามาสอนเพ่ือฝึกทักษะชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นวิชาการเกษตร การท�ำความสะอาดบ้านเรือน การว่ายนํ้าที่สามารถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันและ
ช่วยเหลือตัวเองได้ในอนาคต เน่ืองจากเด็กที่มาเรียนเป็นครอบครัวชาวประมง อย่างไรก็ดี เด็ก ๆ จ�ำเป็นต้อง
เรียนวิชาความรู้พ้ืนฐาน อย่างเช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ฯลฯ เพื่อให้มีความรู้เท่าทันโลก
ภายนอกด้วยเช่นกัน ครูสามารถเป็นครูเพียงคนเดียวของที่น่ี จึงต้องท�ำหน้าท่ีเป็นท้ังผู้ปกครอง ครู พ่อครัว
หมอ และภารโรงไปพร้อม ๆ กัน
ครูสามารถท�ำหน้าท่ีครูด้วยชีวิตและจิตใจ ทุ่มเท เสียสละอยู่กับเด็ก ๆ ท่ีโรงเรียนเรือนแพแห่งนี้มา
เป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ซึ่งก่อนหน้าท่ีครูสามารถจะมาประจ�ำที่โรงเรียนแห่งน้ี ก็มีครูคนอ่ืนมาปฏิบัติหน้าท่ี
แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ครูท่ีอยู่ได้นานสุดท่ีผ่านมาไม่เกิน 3 เดือนก็ต้องลาออกไป ครูสามารถเล่าว่า “...เคยมคี รู
หลายคนมาสอน แตอ่ ยไู่ มไ่ ดต้ อ้ งลาออกไป สว่ นตวั ผมนนั้ จนถงึ เวลานย้ี งั ไมท่ อ้ และไมค่ ดิ จะออกไปไหน เพราะ
เดก็ ทเี่ ราปน้ั มากบั มอื อยากจะสอนและชว่ ยเหลอื เขาใหไ้ ดโ้ อกาสทางการศกึ ษา เหมอื นกบั ผมทคี่ รง้ั หนง่ึ ไดร้ บั
โอกาสทำ� ใหไ้ ด้เรียนจนจบปรญิ ญาตรี ผมมโี อกาสอยากจะถา่ ยทอดโอกาสทางการศึกษาน้ตี อ่ ไปอกี ทอด...”
จากความเสียสละและความมุ่งมั่นของครูสามารถ ท�ำให้ครูได้รับรางวัลครูดีเด่นจากกระทรวง
ศึกษาธิการเม่ือปี 2555 เขายังน�ำเงินรางวัลที่ได้ท้ังหมดมาพัฒนาและสร้างอาชีพให้กับเด็ก ๆ โดยสร้างกระชัง
เล้ียงปลาเพ่ือสอนวิชาประมงให้กับพวกเด็ก ๆ เขามีความคิดว่า เนื่องจากหลังจากจบประถม 6 แล้ว เด็ก ๆ
เหล่าน้ีก็คงไม่มีโอกาสได้เรียนต่อจึงจ�ำเป็นต้องศึกษาวิชาเพื่อใช้ในการด�ำรงชีวิตเป็นส�ำคัญ อีกโครงการท่ีครู
ก�ำลงั จะทำ� คือ การสร้างห้องสมดุ ในโรงเรยี นเรือนแพ เพราะครเู ช่ือวา่ การศึกษาเกดิ ขึ้นได้ตลอดชีวติ ครูเพยี ง
คนเดียวคงไม่สามารถเปิดโลกท้ังใบเพ่ือให้เด็กได้เรียนรู้ได้